โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) เทศบาลนครนคราชสีมา

สมาธิ กับ ฌาน (ครูสุภาภณ์)


หากมีกิเลสเข้ามาครองใจ ก็จะเสียอำนาจ เสียกำลัง เสียปัญญา

 

 

Large_47z

 สมาธิ  กับ  ญาน

      สมาธิ กับ ฌาน   เหมือนกันหรือไม่  ถ้าไม่เหมือนต่างกันอย่างไร ?           

          สมาธิกับฌาน  ที่เราต่างได้ยินได้ฟังกันมาชินหู  โดยเฉพาะเวลาสนทนาธรรมและร่วมปฏิบัติธรรม  เช่น การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลต้องทำสมาธิภาวนา  หรือคุณได้สมาธิขั้นไหนแล้ว  จิตตั้งมั่นในสมาธิแค่ไหน  ฯลฯ

        บางคนอาจถนัดอยู่กับ  การกล่าวที่เกี่ยวข้องกับ ‘ฌาน’ เช่น  พระสงฆ์รูปนี้รูปนั้นได้ฌานแล้ว คุณได้ฌานขั้นไหน ฯลฯ

        หลายคนคงจะสงสัยว่า ‘ฌาน’ กับ ‘สมาธิ’ ต่างกันอย่างไรกันแน่ เพราะบางครั้ง ในการปฏิบัติจิตได้กล่าวถึงสมาธิ บางครั้งกล่าวถึงฌาน  จึงสับสนว่าเหมือนกัน  หรือต่างกันอย่างไร

        สมาธิและฌาน ในพระพุทธศาสนา  ตามที่พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้เป็นมาตรฐานในการเจริญเพื่อทิพยอำนาจนั้น  ได้แก่  ฌาน 4 ประการ  ที่เรียกตามลำดับว่า  ปฐมฌาน  ทุติยฌาน  ตติยฌาน  และจตุตถฌาน

ฌาน 4 ประการนี้ตรัสเรียกว่า สัมมาสมาธิ

       สมาธิกับฌาน  มีความหมายกว้างแคบกว่ากัน  คือ  สมาธิมีความหมายกว้างกว่าฌาน  จากความสงบของใจตั้งแต่ขั้นต่ำ ๆ เพียงชั่วขณะหนึ่งจนถึงขั้นสงบสูงสุด  ไม่มีอารมณ์กำหนด  สามารถเรียกว่าสมาธิได้ทั้งนั้น  เช่น  ความสงบเล็กน้อยชั่วขณะ  เรียกว่า  ขณิกสมาธิ  สมาธิระดับนี้เกิดขึ้นได้น้อย  เช่น  เวลาทำงานอ่านหนังสือ  ขับรถอย่างมีสติจดจ่อ  เป็นสมาธิที่มีได้แต่สามัญชนทั่วไป

        อุปจารสมาธิ  ความสงบใกล้ต่อความเป็นฌาน  หรือที่เรียกว่าสมาธิขั้นเฉียดฌาน  

        อัปปนาสมาธิ  ความสงบแน่วแน่เป็นฌาน

        สุญญตสมาธิ  สงบว่างโปร่ง 

        อนิมิตตสมาธิ  สงบไม่มีอารมณ์ปรุงแต่ง 

        อัปปณิหิตสมาธิ  สงบไม่มีที่ตั้งลงคือหาฐานรองรับความสงบเยี่ยงนั้นไม่มี 

       สมาธิเหล่านี้เป็นสมาธิชั้นสูงมีได้แก่คนบางคนเท่านั้น

       ส่วน ฌาน มีความหมายจำกัดวงแคบ ๆ  คือ  มีองค์หรืออารมณ์เป็นเครื่องกำหนดโดยเฉพาะเป็นอย่าง ๆ ไป  เช่น  ปฐมฌาน  ทุติยฌาน  ตติยฌาน  จตุตถฌาน  สี่อย่างนี้เป็นรูปฌาน สูงขึ้นไปเป็นอรูปฌาน  เช่น  อากาสานัญจายตนะ  วิญญาณัญยตนะ  อากิญจัญญายตนะ  และเนวสัญญานาสัญญายตนะ

        ข้อกำหนดแห่งฌานมีอารมณ์ขึ้นต้นไม่กำหนด  แต่มีองค์เป็นเครื่องหมาย  คือ  จิตเพ่งพินิจจดจ่ออยู่ในอารมณ์เดียวจนสงบลง  มีองค์แห่งฌานปรากฏขึ้นครบห้าก็เป็นปฐมฌาน  ดังคำแปลจากพระบาลีดังนี้

        สงัดเงียบจากกาม  สงัดเงียบจากอกุศลธรรม  แล้วเข้าปฐมฌาน  ซึ่งมีวิตก  วิจาร มีปีติและสุขเกิดจากความวิเวกอยู่

         ทุติยฌาน  ระงับวิตก  วิจาร แล้วเข้าทุติยฌาน  ซึ่งมีความผ่องใสภายใน  มีความเด่นเป็นดวงเดียวของจิตใจมีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่   ตติยฌาน  สำรอกปีติแล้วเข้าตติยฌาน  ซึ่งเป็นผู้วางเฉย  มีสติสัมปชัญญะและเสวยสุขด้วยกายที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า  ผู้วางเฉยมีสติอยู่เป็นสุขดังนี้

        จตุตถฌาน  ละสุขละทุกข์ได้  ดับโสมนัสโทมนัส  แล้วเข้าจตุตถฌาน  ซึ่งไม่มีสุขไม่มีทุกข์   มีแต่อุเบกขากับสติและความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น

         คำว่า อารมณ์ของฌาน  ยังต้องทำความเข้าใจต่ออีก  ถ้าผู้บำเพ็ญกำหนดอารมณ์ขั้นต้น  โดยมี อสุภะเป็นอารมณ์  เรียกว่าอสุภฌาน  กำหนดเมตตาเป็นอารมณ์  เรียกว่าเมตตาฌาน  มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์  อนุสสติเป็นอารมณ์  เช่นพุทธานุสติ  เทวตานุสติ  อานาปานสติ เป็นต้น

         การเข้าถึงฌานแบบง่าย ๆ

         อุปสรรคแห่งฌานมี นิวรณ์ 5 คือ

         1. ‘กามฉันทะ’  คือ  ความติดใจในกามคุณ 

         2. ‘พยาบาท’ คือ  ความขุ่นแค้น 

         3. ‘ถีนมิทธะ’ คือ  ความท้อแท้ซึมเซา 

         4. ‘อุทธัจจกุกกุจจะ’   แยกเป็น  อุทธัจจะ คือความฟุ้งซ่านของจิต  และ  กุกกุจจะ คือความรำคาญใจ

         5. ‘วิจิกิจฉา’ คือ  ความลังเลสงสัย 

        

       กิเลสห้าประการนี้แม้อย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาครองใจ  จะเสียอำนาจ  เสียกำลัง  เสียปัญญาไปทันที

       ในนิวรณ์ 5   ที่สำคัญมากคือข้อแรก  กามคุณ  และกามคุณมีอยู่ 5 อย่าง  คือ  รูป  รส  กลิ่น  เสียง  โผฏฐัพพะ  พระพุทธเจ้าตรัสเรียกกามคุณนี้ว่า ‘สัมพาธ’  คือ  สิ่งคับแคบ  เมื่อใจไปอยู่กับสิ่งคับแคบก็เกิดความรู้สึกคับแคบขึ้นในใจ  ฉะนั้น  ฌานตั้งแต่ปฐมฌานไป ตรัสเรียกว่า โอกาสาธิคม คือความว่างโปร่งหรือช่องว่าง ใจที่เข้าไปถึงความสงบว่างโปร่ง

        เมื่อกามคุณทั้ง 5 ยังมีอำนาจยั่วใจให้เกิดกำหนัด  ขุ่นแค้น  ท้อใจ  อ่อนใจ  ทำให้ใจอ่อนเปลี้ย  เป็นสองจิตสองใจขึ้น  เหมือนทางแยกที่ไม่รู้จะไปทางไหนถูก  กามคุณและกิเลสลักษณะดังกล่าวนี้ยังมีอำนาจเหนือใจ  จิตจะสงบเป็นสมาธิเป็นฌานไม่ได้อย่างแน่นอน

        และถ้าเมื่อใดกามคุณ 5 สงบลง  นิวรณ์ 5 ดังกล่าวถูกขจัดได้  เมื่อนั้นจิตจะสงบเป็นสมาธิเป็นฌาน  ถึงสภาพโปร่งใจที่เรียกว่าโอกาสาธิคมทันที

       ปฐมฌานที่กำหนดลักษณะเบื้องต้นว่า  สงัดจากกามและอกุศลธรรมก็หมายถึงสงัดจากกามคุณ 5 นิวรณ์ 5 นั่นเอง

       ใครทำได้อย่างนี้ในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนานั่นแหละถึงจะเรียกว่า ได้ฌาน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=38&wpid=0019

      

P

ครูสุภาภรณ์
ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย
โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ)
คำสำคัญ (Tags): #สมาธิกับฌาน
หมายเลขบันทึก: 477597เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2012 23:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณ คุณ Ico24 คนบ้านไกล ที่เป็นกำลังใจให้ดอกไม้ค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ Ico24 โสภณ เปียสนิท ขอบคุณค่ะที่มาเป็นกำลังใจและให้ดอกไม้

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆและมีประโยชน์สำหรับผู้เริ่มปฎิบัติครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท