จากสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เผชิญในตลอด 1 เทอมที่ผ่านมา เกี่ยวกับการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คือ นักเรียนบางส่วนติดการลอกงานจากเพื่อนๆ มาส่งครู ไม่ว่าจะเป็นงานการบ้าน หรืองานแบบฝึกหัดในห้องเรียน " ขอแค่ให้ฉันมีส่งครูเพื่อไม่โดนหักคะแนนเป็นพอ แต่ฉันจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ฉันจะทำได้หรือทำไม่ได้ตัวฉันไม่สน" เหล่านี้นี่คือความคิดของเด็กๆ
แต่สำหรับคนที่เป็นครูแล้ว การที่นักเรียนลอกงานมาส่งเพียงเพื่อหวังคะแนน กับครูมอบงานให้ทำแต่ฉันทำไม่ได้เพราะยังไม่เข้าใจ แล้วเว้นไว้มาส่ง หรือเข้าใจยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เพียรพยามยามทำมาก่อน แล้วรอให้ครูเฉลยและอธิบายให้นั้นเป็นการดีกว่าลอกมาส่งเสียอีก ทุกท่านที่เป็นครูด้วยกันคงเข้าใจเหตุผลดีใช่ไหมคะ? เพราะอะไร? ก็เพราะครูจะได้วัดผลในความเข้าใจของนักเรียนได้ แต่ถ้านักเรียนส่งงานเราทั้งห้อง แถมข้อนี้ถูกหมด ข้อนั้นผิดหมด เหมือนกันเปี๊ยบเลยทั้งห้องเรียน ก็ทำให้ครูผู้สอนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ได้ มิหนำซ้ำกว่าจะรู้ว่านักเรียนในห้องนั้นมีคนบวก ลบ เลขไม่ได้ ถึง 5 คน ก็เกือบจะซ่อมไม่ทันเสียแล้ว ข้าพเจ้าจึงคิดหาวิธีที่จะรู้ในความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้เขาแสดงวิธีคิด ในก้อนเมฆที่ข้าพเจ้ากำหนดไว้ข้างๆ โจทย์ จากนั้นให้นำคำตอบที่ได้ในก้อนเมฆมาเขียนลงในช่องคำตอบที่อยู่ข้างนอก ด้วยวิธีดังกล่าวจึงทำให้ข้าพเจ้าพบอะไรหลายๆ อย่างในตัวนักเรียน ได้แก่ ในเรื่องของการบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มบวก หรือการบวกจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ หรือการลบจำนวนเต็มบวกด้วยจำนวนเต็มลบ หรือการลบจำนวนเต็มลบด้วยจำนวนเต็มลบ นั้น มีหลักการในการหาคำตอบคือ
* ถ้าเป็นจำนวนชนิดเดียวกัน ให้นำตัวเลขมาบวกกัน แล้วใส่เครื่องหมายเหมือนเดิม
แต่ *ถ้าเป็นจำนวนที่ต่างชนิดกัน ให้นำตัวเลขมาลบกัน แล้วใส่เครื่องหมายเหมือนตัวเลขที่มากกว่า
ซึ่งหลักในการทำดังกล่าวนั้น ทำให้ข้าพเจ้าพบว่า
1. ในขั้นตอนของการแสดงวิธีทำ นักเรียนมักจะลืมเขียนเครื่องหมายลบ และเครื่องหมายบวกไว้หน้าจำนวน เพื่อบ่งบอกว่าเป็นจำนวนเต็มลบ หรือเต็มบวก
2. นักเรียนไม่สามรถวิเคราะห์ได้ว่า โจทย์แบบใดที่เรียกว่าเป็นจำนวนชนิดเดียวกัน หรือเป็นจำนวนต่างชนิดกัน
3. นักเรียนโดยส่วนมาก ไม่มีความรอบคอบ เนื่องจากคิดหาคำตอบในก้อนเมฆถูก เช่นผลลัพธ์ต้องตอบเป็นจำนวนเต็มลบ แต่เมื่อนำคำตอบในก้อนเมฆมาเขียนในช่องคำตอบ กลับลืมเขียนเครื่องหมายลบ จึงเป็นเหตุให้คำตอบผิดไปอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อข้าพเจ้าให้นักเรียนแสดงวิธีคิดในก้อนเมฆ ข้าพเจ้าจึงไม่ให้คะแนนข้อนั้นของเขาเป็น "0" แม้ว่าคำตอบจะผิดแต่ข้าพเจ้าถือว่าขั้นแสดงวิธีทำถูกก็จะให้คะแนนในส่วนนั้นไปแทน
4. นักเรียนบางคนแสดงวิธีคิดผิด แต่ตอบถูก ซึ่งกรณีนี้ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินว่าแอบมองเพื่อนที่อยู่ข้างๆ นั่นเอง
ด้วยกับความคิดในก้อนเมฆของนักเรียน ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่ามีนักเรียนมากน้อยแค่ไหนที่ทำไม่ได้เลยจริงๆ ข้าพเจ้าจึงเรียกเขามาสอนซ่อมเสริมให้ในตอนพักกลางวันหลังจากทานข้าวเรียบร้อยแล้ว เมื่ออธิบายเสร็จข้าพเจ้าก็จะให้เขาทำแบบทดสอบฉบับพิเศษประมาณ 5 ข้อเพื่อวัดความเข้าใจอีกครั้ง ซึ่งทำให้สามารถซ่อมเสริมข้อบกพร่องของเขาได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
รับสลามค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เราได้พบมุสลิมด้วยกันอย่างไม่รู้จบ