War Horse : ม้าศึกจารึกโลก
ประเภทหนัง Drama
ผู้กำกับ Steven Spielberg
นับตั้งแต่การการแย่งชิงความเป็นใหญ่ การแข่งขันในการแสวงหาผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจในยุโรป จนมีการแบ่งมหาอำนาจเป็นสองฝ่าย ซึ่งต่างแข่งขันในด้านการดำเนินนโยบายทางการทูตและทางการทหาร การสร้างลัทธิชาตินิยม รวมถึงธุรกิจการค้าข้ามชาติ ล้วนแต่ก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ (๑๙๑๔ – ๑๙๑๘) ทั้งสิ้น สงครามทำให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สิน ความพลัดพรากจากคนที่เรารัก หรือแม่แต่สัตว์ที่เรารัก นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ War Horse ม้าศึกจารึกโลก หนังดีที่สร้างความประทับใจให้กับคุณไม่รู้ลืม
...................
War Horse สร้างจากนิยายของ Michael Morpurgo ซึ่งเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเรื่องราวในปี ๑๙๑๔ ของ “Joey” ลูกม้าสีแดง ข้อเท้าขาว มีสัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีขาวที่หน้าผาก ของครอบครัวหนึ่งที่ลูกชาย “อัลเบิร์ต” มีความผูกพันกับม้าตัวนี้มาตั่งลูกม้าเกิด แต่ด้วยความอัตคัตและหนี้สินรุมเร้า พ่อจึงมีความจำเป็นต้องขายเจ้า Joey ให้กับกองทัพนำตัวไปฝึกเป็นทหารม้า ในความพลิกผันของสงคราม Joey ต้องถูกเปลี่ยนมือจากคนแล้วคนเล่า มันอดทนและเฝ้ารอว่าสักวันหนึ่งมันจะกลับไปยังบ้านของมัน บ้านที่เจ้าของของมันให้ความรักความอบอุ่นอย่างที่ไม่มีที่ไหนหรือใครให้กับมันได้
.............
ม้าเป็นตัวนำเรื่อง กล่าวคือ เมื่อม้าไปอยู่ไหนไปอยู่กับใคร เรื่องราวก็จะอยู่ที่นั้นกับคนคนนั้น ม้าทำให้เราเห็นภาพความโหดร้ายของสงคราม ผ่านครอบครัวหรือผู้ที่อยู่กับม้าแตกต่างกันออกไป การพลัดพรากของม้ากับเจ้าของเป็นตัวแทนของสงครามที่พรากทุกอย่างไป Spielberg เล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด เรื่องนี้ไม่ได้สร้างให้ม้าพูดได้ แต่เขาทำให้ม้าสื่ออารมณ์ส่งถึงคนดูได้อย่างลึกซึ้งประหลาดโดยไม่จำเป็นต้องมีบทหรืออธิบายความแต่อย่างใด
.............
ฉากที่ประทับใจเช่น ฉากที่อัลเบิร์ตฝึกม้าให้ทำการไถดิน ฉากสองพี่น้องชาวเยอรมันผู้มีหน้าที่เลี้ยงม้าในกองทัพต้องรับโทษในข้อหาหลบหนีทหาร ฉากของครอบครัวที่มีเพียงปู่กับหลานสาวชาวฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่ฝ่ายเยอรมันเข้ามาในที่ดินแล้วหยิบทุกสิ่งอย่างออกไปราวกับปล้น พร้อมกับบทพูดที่เจ็บปวดว่า “สงครามนำทุกอย่างจากเราไป” ฉากม้าวิ่งหนีออกจากแนวหน้าและต้องติดกับลวดหนาม ฉากที่ทหารฝั่งอังกฤษและฝั่งเยอรมันเข้ามาช่วยกันตัดลวดหนามออกจากม้าในยามที่สถาณะการณ์ตึงเครียด เป็นต้น
............
นี้คือหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมอของผมเลยก็ว่าได้ เมื่อดูหนังเรื่อง War Horse มันทำให้ผมนึกถึงหนังดีระดับออสการ์ขึ้นมาหลายเรื่องเช่น หนัง Cold Mountain – วิบากรักสมรภูมิรบ, The Green Mile - ปาฏิหาริย์ แดนประหาร, The English Patien ในความทรงจำความรักอยู่ได้ชั่วนิรันดร์, The Pianist สงคราม ความหวัง บัลลังก์เกียรติยศ เป็นต้น ซึ่งเราไม่ได้ดูหนังดี ๆ บทดี ๆ ให้อารมณ์ดี ๆ อย่างเรื่องที่กล่าวไปมานาน
...........
หนังเรื่องนี้เพลงเพราะครับ ภาพสวยมาก ทุกมุมภาพ การเลือกสถานที่ถ่ายทำหรือฉากแต่ละฉาก แสงเงา ล้วนแต่ออกมาประทับใจ หากหยุดให้เป็นภาพนิ่ง แทบจะนำมาทำเป็นโปสการ์ดสวย ๆ ได้แทบทุกนาทีของเรื่อง ถือว่าพิถีพิถันจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เรื่องนี้จะได้รับการเสนอเช้าชิงรางวัลออสการ์ถึง ๖ รางวัลได้แก่ รางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม, รางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, รางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม, รางวัลลำดับเสียงยอดเยี่ยม, รางวัลดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, และรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัลลูกโลกทองคำ และอีก 7 รางวัลจากครีทิกส์ ชอยส์ อวอร์ด
...........
หนังยาวสองชั่วโมงกว่า ๆ คุ้มค่าบัตรสุด ๆ ไม่มีช่วงไหนเบื่อเลย
...........
ผมชอบที่ Spielberg ทำหนัง Drama มากกว่าหนัง Action ซะอีก
...........
นี่คือหนังชั้นเยี่ยมที่คอหนังไม่ควรพลาดครับ
วาทิน ศานติ์ สันติ
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
ว้าว เรื่องม้า ม้า น่าสนใจค่ะอาจารย์
เคยประทับใจเรื่อง sea biscuit, horse whisperer
ยิ่งทราบว่า ผู้สร้างเดียวกับ cold mountain ยิ่ง ว้าว
ไว้จะไปหามาชมนะคะ ขอบคุณค่ะ
เพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เช่นกันครับ รู้สึกเหมือนกันว่าเป็นหนังที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งที่เคยดูมา
และประทับใจในทุกฉากที่กล่าวมาเลยครับ แล้วยังมีฉากที่แม่พูดกับพ่อของอัลเบิร์ตตอนที่เจอปัญหาว่า
ตนเองอาจจะเกลียดสามีมากขึ้น แต่จะไม่มีทางรักสามีน้อยลง ฟังแล้วก็ อื้ม...