จากการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศด้วยการจัดตั้งสถานีอนามัยทำให้การเข้าถึงบริการสาธารณสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชนบททำได้ดีขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้มีโครงการ "ทศวรรษพัฒนาสถานีอนามัย" มีการปรับปรุงปัจจัยต่างๆมากมาย แต่หมออนามัยส่วนใหญ่ก็ต้องยามดิ้นรนพัฒนาตัวเองโดยขาดระบบการพัฒนาหมออนามัยอย่างเป็นรูปธรรม
จนมาถึงสมัยการพัฒนาศูนย์สาธารณสุขชุมชน มาสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หมออนามัยกลับถูกทอดทิ้งมากขึ้น การพยายามเพิ่มพยาบาลวิชาชีพลงสู่ รพ.สต. ทำให้บทบาทและศักยภาพของหมออนามัยเดิมถูกบดบังไป หากมีกระบวนการพัฒนาต่อยอดศักยภาพเหล่านี้ การพัฒนา รพ.สต.ให้เป็นผู้ให้บริการด่านแรกแก่พี่น้องประชาชนก็จะสำเร็จได้ง่าย
ทาง สสจ.ตากและคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาหมออนามัยในด้านการบริการปฐมภูมิ ให้แก่หมออนามัยเพื่อให้สามารถจัดบริการให้แก่พี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีพยาบาลหรือมีแต่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างพอเพียง
โครงการหมออนามัยติดปีก จึงได้กำเนิดขึ้นเพื่อพัฒนาหมออนามัยให้มีศักยภาพต่อยอดจากจุดแข็งเดิมของให้เป็น "นักบริการปฐมภูมิ" หรือ Primary care practitioner" โดยควรมีบทบาทหลักๆ ๔ ประการ คือ
๑. สามารถให้บริการปฐมภูมิแบบองค์รวมได้อย่างเหมาะสมกับบริบท (Holistic primary car for Individual level)
๒. สามารถกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคทั้งระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิและตติยภูมิในชุมชนได้ (Health promotion and self care for primary, secondary and tertiary preventive care in community)
๓. สามารถให้บริการปฐมภูมิที่ดีแก่ชุมชนได้ (Primary community care giver)
๔. สามารถเชื่อมประานการบริการปฐมภูมิในทีมที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการสุขภาพในชุมชนได้ (Coordinate care)
ทาง สสจ.ตาก ได้จัดฝึกอบรมไปแล้ว ๒ ห้องเรียน ๑ รุ่น จำนวน ๗๓ คน หลังฝึกอบรมได้ติดตามประเมินแล้ว ผู้เข้าอบรมสามารถจัดบริการให้แก่ชุมชนได้ดีมากขึ้น ปีนี้ ทาง สปสช.เขต ๑๗ ได้สนใจที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อการฝึกอบรมเพิ่มเติมก็หวังว่าคงจะสามารถดำเนินการได้
ไม่มีความเห็น