สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่หกสำหรับการเรียนในวิชา seminar II และแม้กรณีศึกษาที่แต่ละคนนำมาเสนอจะมีการวินิจฉัยโรคที่เหมือนกัน อาการทีเป็นคล้ายคลึงกับที่ผ่านมา แต่การให้กิจกรรมในแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันไป เพื่อนๆแต่ละคนมีวิธีการให้กิจกรรมที่ต่างกัน ขึ้นกับปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยแวดล้อมของผู้รับบริการ และความถนัดของเพื่อนๆ ทำให้ในการฟังการนำเสนอกรณีศึกษาพร้อมหลักฐานเชิงประจักษ์ในวันนี้ได้รับประโยชน์มากมาย และก็นึกได้ถึงประโยคที่ว่า "การเรียนรู้ที่ไม่วันสิ้นสุด ทุุกสถานที่ทุกเรื่องราวสามารถให้ความรู้ต่างๆ กับเราได้ อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจยอมรับหรือไม่เท่านั้นเอง" และแม้ในวันนี้สติแห่งการรับรู้จะหลุดลอยไปบ้าง เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย ต้องขอโทษเพื่อนๆ ที่นำเสนอในครั้งนี้ด้วยนะคะ
สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาวันนี้ มีดังนี้
- frame of reference ของ OT ที่ใช้ family มามีส่วนร่วมในการบำบัดฟื้นฟูผู้รับบริการ คือ PEOP FoR
- สำหรับการใช้ Cognitive disability FoR ต้องมี Cognitive impairment
- การฝึก attention ของเด็กในโรงเรียนจะใช้ PEOP FoR
- สำหรับการฝึกเด็ก autisitc โดยใช้สถานการณ์ต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 3 อย่าง คือ
1. สถานการณ์ที่ผู้ใหญ่สั่ง แล้วให้เด็กทำ
2. Requesting situation เช่นว่าถ้าเจอสถานการณ์แบบมีการขอร้อง เด็กจะมีการตอบสนองอย่างไร
3. Spontaneous situation เป็นการให้เด็กตอบสนองต่อสถานการณ์เอง (ไม่มีกรอบ)
- การประเมินและการให้การบำบัดฟื้นฟูในผู้ป่วยที่มีปัญหา neglect จะแบ่งออกเป็น แบบ motor และ sensory ซึ่งแบบ motor จะเป็นการให้เขาได้ลงมือทำ และแบบ sensory จะเป็นการให้ sensory เข้าไป การรักษาในแบบ sensory ก็จะใช้ SI และ sensory stimulation
- Spinal mucular atrophy ทำให้เด็กมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งในเด็กจะต้องช่วยส่งเสริมในด้านหลักๆ เช่น ADL, endurance, muscle strength, hand writting เพื่อให้เขาสามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ให้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเองมากที่สุด เป็นต้น
ขอขอบคุณอาจารย์ และเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้ให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ค่ะ^^
ไม่มีความเห็น