สิ่งที่ได้เรียนรู้ (21-22 มกราคม 2555)
บทบาทภาคเอกชนในการดูแลสุขภาพ
องค์กรภาคเอกชน เป็นบทบาทที่ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน และมีความคล่องตัวในการทำงาน ด้วยธรรมชาติ วิธีคิด วิธีการทำงานที่มีความแตกต่างและหลากหลาย จึงทำให้องค์กรภาคเอกชนกลายเป็นพลังนอกระบบภาครัฐที่มีศักยภาพ
ในการพัฒนางานด้านสาธารณสุข องค์กรภาคเอกชนได้เข้ามามีบทบาทในการร่วมงานกับภาครัฐอยู่หลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนนโยบายของภาครัฐ และการดูแลสุขภาพของประชาชน ซึ่งในบทเรียนได้เรียนรู้บทบาทของมูลนิธิฉือจี้ของประเทศไต้หวัน ที่โดดเด่นในกิจกรรม "จิตอาสา" และ "การดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์" และนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งของวัดคำประมง จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าจะไปศึกษาดูงานเพิ่มเติมเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นในการพัฒนางานด้านสาธารณสุข เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาประสบผลสำเร็จและมีควมยั่งยืน ควรที่จะมีการแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรภาคเอกชนด้วย
การบริหารเงิน(Financial Management)
เงิน เป็นปัจจัยนำเข้าของระบบต่างๆ รวมถึงในระบบบริการสาธารณสุขด้วย ซึ่งในระบบทุนนิยมจะต้องใช้เงินในการดำเนินกิจการต่าง ๆ หากการบริหารเงินมีปัญหาอาจส่งผลต่อการทำงานได้ การบริหารเงินจึงเป็นเรื่องที่กว้างและมียุ่งยากแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละองค์กร
หลักในการบริหารเงิน สรุปคร่าวๆได้ดังนี้
๑.รู้สถานการณ์ขององค์กรและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก คนในองค์กรต้องสามารถวิเคราะห์ตนเองได้อย่างถ่องแท้ รู้เขารู้เรา
๒.รู้องค์ประกอบสำคัญ และเทคนิคที่ใช้บริหารด้านการเงิน การคลัง เครื่องมือที่สำคัญคือหลักการวิเคราะห์หาต้นทุนรายรับรายจ่าย รู้ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งระเบียบการเงิน พัสดุ ทั้งหลาย
๓.ยึดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และสามารถกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาได้สอดคล้องกับภารกิจและฐานะทางการเงินการคลัง
๔.สามารถกำหนดแผนปฎิบัติการทั้งรายรับ รายจ่าย ต้องสามารถรู้ว่าจะมีรายรับจากแหล่งใดบ้าง และมีรายจ่ายใดบ้างทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายอื่น ๆ
๕.รู้วิธีวัดและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
๖.รู้วิธีการบริหารจัดการความเสี่ยง
การบริหารคน (Human resource management)
“คน” เป็นหนึ่งในปัจจัยทางการบริหารที่สำคัญและยอมรับกันทั่วไป เรียกย่อ ๆ ว่า “4 M’ s” อันประกอบด้วย บุคลากร หรือทรัพยากรมนุษย์ (Man) เงิน (Money) วัสดุ อุปกรณ์ (Materials) และการจัดการ (Management) จะพบว่าคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการบริหาร เพราะหากขาดกำลังคน ก็จะไม่มีตัวขับเคลื่อนปัจจัยอื่น ๆ นั่นเอง เพราะฉะนั้น ในแต่ละองค์กรจึงหันมาให้ความสำคัญในการบริหารคนในองค์กรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันคือ การบริหารงานบุคคล
หลักในการบริหารคน
๑.รู้สถานการณ์ขององค์กรและความต้องการด้านสุขภาพ ความต้องการสิทธิของบุคคล ตลอดจนความสามารถของสถานศึกษาและแหล่งผลิตกำลังคน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และด้านคุณภาพมาตรฐานต่าง ๆ
๒.รู้องค์ประกอบสำคัญ เช่นโครงสร้างองค์กร การออกแบบการจัดบริการ ระบบการพัฒนาบุคลากร ระบบการให้รางวัลและสิ่งจูงใจ ระบบคุณธรรมจริยธรรม
๓.ยึดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และสามารถกำหนดนโยบายในการพัฒนาคนได้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร
๔.สามารถกำหนดแผนการปฏิบัติงานได้เชื่อมโยงครอบคลุมทุกด้าน ทั้งแผนคน แผนงาน และแผนเงิน
๕.รู้วิธีวัดและวิเคราะห์สถานการณ์ทางกำลังคน เช่น การใช้ Balanced Score Card การใช้ดัชนีวัดด้านบุคคล ประกอบด้วย ความสุข อัตราการย้าย-ลาออก คุณภาพชีวิต เป็นต้น
๖.รู้ความเสี่ยงด้านบุคคล เช่น การโยกย้าย ไม่ตั้งใจปฏิบัติงาน เกิดความขัดแย้ง ขาดความรู้ ไม่ให้ความร่วมมือ ปัญหาสุขภาพ เป็นต้น
ไม่มีความเห็น