ศัพท์นี้เคยผ่านตา ตรึกนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป เมื่อกัลยาณมิตรท่านหนึ่งสอบถามมา ก็จะว่าไปตามความเห็นให้พอเป็นเรื่องเป็นราว (สำหรับเรื่องราวของศัพท์นี้ ผู้สนใจอาจหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต หรือ คลิกอ่านที่นี้ )
พุทธชยันตี แยกศัพท์ออกไป น่าจะเป็น พุทธะ+ชยะ+อันตะ+อี
พุทธ คือ พระพุทธเจ้า
ชยะ รากศัพท์คือ ชิ แปลว่า ชนะ
อันตะ แปลว่า ที่สุด
อี น่าจะเป็นจำพวกปัจจัย ซึ่งคาดหมายว่าน่าจะเป็นปัจจัยในตทัตสัตถิตัทธิต ซึ่งแปลว่า มี
พุทธะ+ชยะ+อันตะ+อี = พระพุทธเจ้า+ชนะ+ที่สุด+มี
เมื่อแปลรวมความตามการวิเคราะห์ศัพท์สมาสและตัทธิตแล้ว พุทธชยันตี น่าจะได้ความหมายทำนองว่า
ผู้มีที่สุดคือความชนะ หรือ ผู้มีความชนะเป็นที่สุด หมายถึง ความชนะที่ไม่กลับแพ้ ความชนะที่สิ้นสุด หรือความชนะที่ไม่ต้องแข่งขันหรือต่อสู้อีกต่อไป .... อะไรทำนองนี้
ก็อธิบายเพิ่มเติมได้ว่า พระโพธิสัตว์นั้นต้องบำเพ็ญบารมี ต่อสู้กับบรรดามารทั้งหลาย เช่น กิเลสมาร ขันธมาร หรือมัจจุมาร เป็นต้น ตราบเท่าที่ยังไม่ได้บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเมื่อไหร่ที่ได้บรรลุแล้วก็ถือว่าสิ้นสุด ไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญบารมีหรือต่อสู้อีกต่อไป... อะไรทำนองนี้
และเมื่อมาพิจารณาตามศัพท์ที่ใช้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของพระพุทธเจ้า ก็น่าจะตรงตามความหมายและคำอธิบายที่สันนิษฐานไว้
อันที่จริง ศัพท์ที่บัญญัติขึ้นมาใช้ใหม่ๆ นั้น บางศัพท์ก็ยืมมาจากคัมภีร์ บางศัพท์ผู้รู้ก็สร้างขึ้น หรือบางศัพท์ก็เป็นเพียงผู้อวดรู้ที่สร้างขึ้นมา แม้ศัพท์นั้นอาจไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์ หรือแรกเริ่มเดิมทีอาจถูกต้อง แต่เมื่อใช้นานๆ ไปกลับผิดแผกไปยังศัพท์เดิม ถ้าศัพท์นั้นติดตลาดเป็นที่ยอมรับก็ใช้กันทั่วไป.... นี้เป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้น พุทธชยันตี ก็น่าจะเป็นไปตามที่ได้เล่ามา ส่วนจริงๆ จะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปถามผู้ที่บัญญัติศัพท์นี้มาใช้ แต่เมื่อหาผู้ญัตติหรือต้นต่อไม่ได้ ก็เป็นเพียงการคาดหมายเอาเท่านั้น และนี้ก็เป็นแต่เพียงคาดหมายเท่านั้นเหมือนกัน
ยอมือวันทะ ไหว้พระมหา ชัยวุธครูบา ที่มาไขถ้อย
เป๋นวิทยา ทานาหื้อข้อย ได้หันฮ่องฮอย ศัพทะ
ด้วยอานิสงส์ แห่งวิทยะ ทานะบอกถ้อย บาลี
หื้อพระชัยวุธ วิมุตติ์วิถี มัคคะวิธี นิปปานาเจ้า.