Unseen Combodia ทัวร์เขมร ซื้อของฝากเขมร เที่ยวกัมพูชาตอนน้ำท่วม


Unseen Combodia ซัวสะเดย์ เสียมเรียบ ซื้อของฝากเขมร ทัวร์เขมร เที่ยวกัมพูชาตอนน้ำท่วมคิดถึงเมืองไทยปี 2554 เหลือเกิน

Unseen Combodia ซัวสะเดย์ เสียมเรียบ ทัวร์เขมร ซื้อของฝากเขมร เที่ยวกัมพูชาตอนน้ำท่วม

แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ของฝากจากเขมร และ การเที่ยวเขมร   update 2557

ของฝากเขมร ของฝากกัมพูชา

         ของที่ระลึกเขมร ของที่ระลึกกัมพูชา ซื้อสินค้าที่ตลาดเก่ากลางเมือง ตลาดซาจ๊ะ และตามปราสาทต่าง ๆ ราคาสินค้าติดป้ายเป็นยูเอสดอลล่าร์ แต่สามารถใช้เงินไทยซื้อได้ อาจต้องต่อราคาถึง 1 ใน 4 เพราะแม่ค้ารู้ว่าคนไทยต่อเก่ง ให้ลองเดินดูหลาย ๆ ร้าน

         1. พวงกุญแจดินภาพเกี่ยวกับปราสาทนครวัด นครธม หรือเทวรูปต่าง ๆ ราคาไม่แพง  5-7อัน 100 บาท(พวงกุญแจดังกล่าวสามารถซื้อที่เมืองไทยได้ที่ด่านเกวียน ราคาใกล้เคียงหรืออาจถูกกว่าแต่ไม่ได้บรรยากาศ) ซื้อที่บัยทายศรี ส่วนพวงกุญแจแพค เมืองไทย 6 อัน 90 บาท ควรต่อแพค 6 อัน ไม่เกินนี้ หรืออาจได้ราคา 100 บาท ถ้าซื้อน้อย

         2. ภาพดินเผาหรือแกะสลักรูปนครวัดขนาดประมาณ 6-8 นิ้วติดข้างฝา ซื้อที่นครวัด ประมาณ 50 บาท หรือซื้อที่ตลาดซาจ๊ะ ขนาดใหญ่กว่านี้ก็มี

         3. ภาพเขมร ซื้อที่นครธม หรือตามตลาด

         4. เช่น แท่งแก้วรูปนครวัด มีไฟ (ใช้ถ่าน) พวงกุญแจใสรูปนครวัด

         5. เสื้อยืดเขมร ตัวละ 50 บาท

         6. แมกเนตติดตู้เย็น อันละ 20-30 บาท

         7. กระเป๋าใส่เศาตังค์ ระวังเชียงใหม่จะถูกกว่า

         8. ผ้าพันคอผ้าพื้นเมือง

         9. สินค้าดิวตี้ฟรีปอยเปต

        10. สินค้าตลาดโรงเกลือ แหล่งชอปปิ้งสุดท้ายก่อนกลับบ้าน แต่ห้ามซื้อบุหรี่ที่นี่จะได้บุหรี่เก่าหรือซื้อเกินอาจโดนจับปรับได้

เที่ยวเขมร ทัวร์กัมพูชา

             ช่วงเดือนตุลาคม ประเทศไทยประสบกับปัญหาอุทกภัย ทำให้น้ำท่วมหลายจังหวัด ซึ่งส่งผลให้น้ำจากเมืองไทยด้านสุรินทร์ ศรีสะเกษ ไหลสู่กัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่ต่ำกว่า ทำให้ถนนสายโรงเกลือมุ่งหน้าสู่ศรีโสภณและเสียมเรียบ อันเป็นถนนสายหลักที่คนไทยใช้เดินทางไปนครวัด นครธม ถูกน้ำท่วมไปด้วย ส่งผลให้การเดินทางทริปนี้ซึ่งเราใช้บริการ BattamBong (อินโดไชน่า)กลายเป็นการผจญภัย ที่ต้องต่อรถ ต่อเรือ นั่งรถอีแต๋น แล้วต่อรถอีกครั้งกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง สิริมรวมระยะเวลาจากตลาดโรงเกลือฝั่งไทยไปเสียมเรียบระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง กว่าจะถึงที่พัก การไปครั้งนี้เป็นช่วงปีน้ำท่วม คิดถึงน้ำท่วมไทยปี 2554ที่ ประเทศไทยโดนน้ำท่วมเกือบทั่วประเทศ

            สองข้างทางจะมีบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมตลอดระยะ บางช่วงน้ำท่วมจนทางขาด ขบวนนักเดินทางจากเมืองไทยต้องลงจากรถลุยน้ำไปอีกฟาก เพื่อให้รถเปล่าลุยน้ำข้ามทาง เดินทางมาได้ไม่นาน   ก็เกิดเรื่องตื่นเต้น เมื่อรถคันหนึ่งซึ่งบรรทุกนั่งท่องเที่ยวไทยและญี่ปุ่นจากบริษัทในกรุงเทพฯ เกิดตกร่องน้ำลึกจนตะแคงข้าง ส่งผลให้รถติดยาว<

            ในระหว่างวิกฤต เรากลับพบภาพความมีน้ำใจ ของชาวกัมพูชาที่อยู่สองข้างทาง ช่วยกันหาวิธีกู้รถขึ้นจากร่องน้ำ โดยใช้รถสิบล้อพ่วงสองคัน ปลดพ่วงออกแล้วช่วยกันลากรถบัสขึ้นมา แต่ล้มเหลว เวลาต่อมาเป็นการใช้รถไถมาร่วมลากด้วย จุดนี้เราใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการหาวิธีแก้ไขเพราะน้ำลึกมาก  การเดินทางช่วงนี้เราจึงต้องลงเรือเครื่องเพื่อข้ามผ่านสายน้ำที่ซัดถนนขาด เพื่อไปยังอีกฟาก แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางต่อได้ เพราะมีรถตกร่องน้ำขวางทางเดินรถใหญ่ มีเพียงปิกอัพซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถนิสสันและอีซุซูและรถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ รวมทั้งรถอีแต๋น และรถไอ้โกร่ง(รถพ่วงด้วยเครื่องยนต์คูโบต้าที่กล้าหาญฝ่าสายน้ำข้ามไป

            ชีวิตสองข้างทางน้ำท่วม จะมีประชาชนชาวกัมพูชา ตั้งร้านค้าขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวมีทั้งสับประรด ชิ้นละ 500 เรียล(5 บาท) เบียร์และน้ำอัดลม กระป๋องละ 2000 เรียล (20 บาท) ยังดีที่เราไม่ต้องเสียเวลาแลกเปลี่ยนสกุลเงิน สามารถใช้ธนบัตรไทยซื้อหาได้  นอกจากนี้จะพบนักจับปลาใช้แหเหวี่ยงจับปลาตามสองข้างทาง ไม่เว้นแม้กลางถนน จุดที่รถตกร่องน้ำ เราจะเห็นคนกำลังเหวี่ยงแหหาปลาอยู่

           จากจุดที่รถตกร่องน้ำ ขบวนของเราตัดสินใจเหมารถอีแต๋น โดยตกลงให้ไปส่งที่จุดพักรถเพื่อเข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำดื่ม  เพื่อรอให้รถของเราฝ่าสายน้ำมา เราเสียเวลาที่จุดนี้อีกเกือบชั่วโมง กว่ารถของเราจะมาถึงในสภาพสะบักสะบอม ล้อหน้าล้อหลังลมแฟบ จนต้องเติมลม ในขณะที่กันชนหน้ามีรอยบุบเพราะกระแทรกหินยาวประมาณ 50 เซนติเมตร  ที่สำคัญใต้ท้องรถที่เก็บกระเป๋าของเรา มีน้ำหยดออกมา  เป็นสัญญาณว่าต้องมีผู้โชคดีที่กระเป๋าเดินทางเปียกน้ำแน่นอน

            การเดินทางยังไม่สิ้นสุด เมื่อรถพร้อม เราเดินทางต่ออีก 50 กิโลเมตร มุ่งสู่เสียมเรียบ  เมื่อเดินทางได้สักพักก็พบกับถนนขาดอีกครั้ง  โดยข้างทางจะมีคนคอยบอกทางให้รถวิ่งหลบน้ำลึก  กว่าจะถึงโรงแรม Kingdom Angkor เป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็ยังเช็คอินไม่ได้ เพราะคุณวีระ(ชน) ไกด์ท้องถิ่นของเราหายหน้าไป (เพราะไปคอยโบกรถบอกทางให้กับรถคันอื่นของบริษัทที่เดินทางมาด้วยกัน) จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารอาหารจีนกลางเมืองเสียมเรียบ แล้วกลับที่พัก เตรียมเดินทางสู่นครวัด นครธมในวันรุ่งขึ้น  แต่แล้วเหมือนฝันร้าย เพราะกระเป๋าเดินทางของเราใบหนึ่งเปียกน้ำ แม้หมอนที่อย่ในถุงพลาสติกที่พึ่งซื้อ ต้องเสียเวลาซักกระเป๋า ซักหมอน และล้างเครื่องสำอางที่เปียกน้ำอีกครึ่งชั่วโมง ยังดีที่เราเตรีมผงซักฟอกบรรจุขวดที่ได้มาจากเมืองจีนตอนไปพักโรงแรมในปักกิ่งมาด้วย  ซึ่งไม่มีเสียงแสดงความรับผิดชอบมาจากบริษัททัวร์ (ซึ่งเรื่องน้ำท่วม ทุกคนยอมรับได้ แต่เรื่องการดูแลทรัพย์สินผู้โดยสาร ควรต้องรอบคอบกว่านี้) มาเสียมเรียบทำให้เรารู้ว่าที่นี่ห้ามสร้างโรมแรมสูงกว่า 4 ชั้น เพราะจะสูงกว่านครวัด ที่อยู่ห่างออกไป 6 กิโลเมตร

            รุ่งเช้ากินอาหารเช้าที่โรงแรม เราออกเดินทางสู่ปราสาทบันทายสรี ปราสาทตาพรม และนครธม ชมความงามของหมู่ปราสาทขอม ซึ่งทำให้เรารู้ว่าค่าเข้าชมเหมารวม 1 วัน ราคา 20 ยูเอสดอลล่าร์ พอถึงบ่ายสามโมงแดดไม่แรงนัก เราจึงไปชมนครวัดที่ยิ่งใหญ่อลังการ  ไปเก็บภาพเงาสะท้อนนครวัดในสระบัว ซึ่งเป็นไฮไลต์ เก็บภาพนครวัดในยามเย็นถูกถูกแดดเป็นสีทอง ไปชมรูปสลักนางอัปสรา ที่บางจุดถูกคนจับจนเป็นเงามันวาว

         ช่วงค่ำเป็นการชมการแสดงพื้นเมืองกัมพูชา ชมการแสดงรำอัปสรา และรามเกียรติ์ที่สวยงาม รวมถึงการแสดงชุดอื่น ๆ ที่น่าประทับใจ ต่อด้วยการไปเลือกซื้อสินค้าที่ตลาดเก่ากลางเมือง ราคาสินค้าติดป้ายเป็นยูเอสดอลล่าร์ แต่สามารถใช้เงินไทยซื้อได้ ก่อนกลับโรงแรมที่พัก

              วันสุดท้ายของการเดินทาง เราตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่ออกเดินทางไปโตนเลสาป เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น (เปลี่ยนจากการชมพระอาทิตย์ตกน้ำในวันแรก ที่มาไม่ทัน) ก่อนกลับมากินอาหารเช้า แล้วเดินทางกลับเมืองไทยตามเส้นทางเดิม โดยครั้งนี้เราเปลี่ยนรถใหญ่ 40 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะเป็นรถคันที่ 7 ของการเดินทางแล้ว แต่แล้วเหมือนเมื่อรถเราไม่สามารถฝ่าสายน้ำตรงจุดเดิมที่มีรถตกร่องน้ำ เนื่องจากวันนี้มีรถสิบล้อตกร่องน้ำเดิมอยู่ ทำให้เราต้องนั่งรถไอ้โกร่งเป็นรถคันที่ 8 (รถพ่วงรถไถนาเครื่องยนต์คูโบต้า) โดยมีคนคอยเข็นรถวิ่งตาม เมื่อรถตกหล่ม ก็ช่วยกันดันรถ จนฝ่าฟันมาถึงจุดที่รถอีกคัน(รถคันที่ 9 ที่เปลี่ยน) จอดรออยู่ด้วยความสาหัส และแสนเจ็บใจ เพราะรถคันเดินของเราที่ใช้ตลอดเวลา วันนี้กลับสามารถฝ่าสายน้ำมาได้พร้อมเราทั้งที่ออกเดินทางหลังเรา

            กลับถึงเมืองไทย ตลาดโรงเกลือบ่ายสามโมงครึ่ง ใช้เวลาน้อยลง เพราะมีประสบการณ์มากขึ้น เลือกซื้อสินค้าจนห้าโมง ขึ้นรถไทยกลับสู่บางกอก นับเป็นทริปที่จดจำฝังใจยิ่งนัก

                           จุดถ่ายรูปนครวัดคือบริเวณนี้ที่ถ่ายให้เห็นเงาปราสาทนครวัดในน้ำด้วย

        

                 น้ำท่วมถนนสายพระตะบองศรีโสภณจนทางขาดบางช่วงต้องนั่งเรือหรือรถอีแต๋น

                      

  ขับไม่ระวังอาจตกข้างทางเช่นนี้ เพราะน้ำแรง จึงต้องให้นักท่องเที่ยวลงก่อน

ธุรกิจข้างทางช่วงน้ำท่วม น้ำอัดลม โออิชิขายดี ให้เช็คปากกระป๋องให้สะอาดหน่อย มีสับประรดขายแก้กระหาย

945/290412



ความเห็น (1)
มาเยี่ยมเยือนครับ
ห้องนี้มีใช้เพื่อถ่ายทุกข์
เหลือความสุขง่ายง่ายที่ได้เห็น
หากไม่มีซิลำบากแสนยากเย็น
แบกทุกข์เข็ญหาที่ถ่ายทุกข์ไม่เจอ เอย

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท