2 เยาวชนไร้สัญชาติ ตัวแทนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมประกวดวงโยธวาทิต “Hong Kong Marching Band Festival 2011”
นี่คงไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้ายจริงๆค่ะ ที่เยาวชนไร้สัญชาติ ซึ่งอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย จะได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียง หรือคุณงามความดีให้กับประเทศไทยของเรา
การนำเสนอข่าวของทีมข่าวสามมิติ ช่อง 3 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้สังคมไทยหลายภาคส่วนได้รับรู้ ถึงความสามารถของเยาวชนกว่า 60 ชีวิต และเหล่าอาจารย์ผู้ให้การสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ แห่ง โรงเรียนสวนลุมพินี ที่ได้ชนะเลิศการแข่งขันประกวดวงโยฑวาทิตระดับนานาชาติ และได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันประกวดวงโยฑวาทิต ณ ฮ่องกง ในงาน Hong Kong Marching Band Festival 2011 และเยาวชนกว่า 60 ชีวิตดังกล่าว ได้รวมถึง ด.ช.สมบูรณ์ ริมพู หัวหน้าวงโยฑวาทิต และด.ญ.กิติยา ริมพู น้องสาว ซึ่งเป็น 2 เยาวชนไร้สัญชาติในประเทศไทย ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาการเดินทาง และการทำเอกสารเดินทางเพื่อเดินทางไปต่างประเทศและกลับเข้ามาในประเทศไทย
จากการนำเสนอข่าวจากทีมงานสามมิติ เมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค.54 ทำให้ทราบว่า ด.ช.สมบูรณ์ และด.ญ.กิติยา ยังไม่สามารถทำเอกสารเดินทางไปต่างประเทศได้ เป็นสาเหตุให้ เช้าวันต่อมา วันที่ 9 เกิดภาวะที่เราชอบเรียกกันค่ะ “ภาวะนั่งไม่ติด” ^^ ของนักกฎหมาย อาจารย์ดรุณี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และอนุกรรมการด้านสิทธิและสถานะบุคคลของผู้ไร้สัญชาติ ไทยพลัดถิ่น ผู้อพยพและชนพื้นเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ประสานกับผู้เขียน นักกฎหมายประจำโครงการบางกอกคลินิกเพื่อให้คำปรึกษาด้านสถานะและสิทธิของบุคคล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อรวมรวมข้อมูลเกี่ยวกับการขอเดินทางและขอมีเอกสารเดินทางของคนไร้สัญชาติ และโดยความช่วยเหลือแนะนำของ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ (อ.แหวว) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอ.กิติวรญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำให้ในช่วงเช้าของวันนี้เองผู้เขียนได้จัดส่งข้อมูล “แนวทางการขอเดินทางไป-กลับ และการขอมีเอกสารเดินทางของคนไร้สัญชาติ” ให้กับอาจารย์โรงเรียนสวนลุมพินีซึ่งกำลังค้นหาข้อมูล แนวทางในการแก้ปัญหาให้กับน้องทั้งสอง และเดิมทีก็ตั้งใจจะเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันนี้ค่ะ
จากการสอบถาม ข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับน้องสมบูรณ์ และน้องกิติยา ทำให้ทราบว่า ขณะนี้เด็กทั้งสอง ถือบัตรประจำตัวคนไม่มีสถานะทางทะเบียน ซึ่งขึ้นต้นด้วยเลข 0 และเป็นกลุ่มเด็กในสถานะศึกษา ซึ่งทางโรงเรียนสวนลุมพินีได้สำรวจและพาไปดำเนินการจัดทำข้อมูลทางทะเบียนเมื่อปี พ.ศ.2553 ทำให้ปัจจุบันปัญหาความไร้รัฐของเด็กทั้งสองก่อนหน้านี้ได้หมดสิ้นไปค่ะ ทราบจากน้องทั้งสองว่าได้รับการบันทึกชื่อ และมีรายการภูมิลำเนาที่ปรากฎตามบัตรเป็นที่อยู่ของโรงเรียนค่ะ ตอนนี้เหลือเพียงต้องคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร์ (ทร.14/1)ออกมาค่ะ
และในช่วงบ่ายของวันที่ 9 นี้เองค่ะ ทั้งน้องสมบูรณ์ น้องกิติยา อาจารย์ผู้ดูแลเด็ก และผู้เขียนได้เดินทางไปยัง สำนักกิจการความมั่นคงภายใน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลเรื่อง “การอนุญาตให้คนไร้สัญชาติ เดินทางออกไปด้วยเหตุผลอันสมควร และกลับเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร” เพื่อติดต่อคุณบรรจบ ตามที่ อ.ดรุณี ได้ประสานงานไว้ในเบื้องต้น และถือว่าเป็นความยินดีในเบื้องต้นอย่างยิ่งค่ะ เมื่อเราได้ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครองท่านนี้ ท่านยินดีรับเรื่อง และรับเอกสารของน้องทั้งสองได้แก่ 1. สำเนาบัตรประจำคนไม่มีสถานะทางทะเบียน 2. สำเนาหนังสือเชิญโรงเรียนสวนลุมพินีเข้าประกวดแข่งขันวงโยฑวาทิต จากThai Marhing Band และ 3. สำเนาประกาศรางวัลชนะเลิศ ระดับนานาชาติการแข่งขันวงโยฑวาทิตของโรงเรียนสวนลุมพินี ไว้ดำเนินการเรื่องการขออนุญาตดังกล่าวอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าวันนี้เรานำเอกสารไปไม่ครบ คือ ขาดสำเนาทะเบียนบ้านที่จะต้องคัดจากสำนักเขตในวันอังคารหน้า และหนังสือรับรองจากทางโรงเรียนสวนลุมพินี ดังนั้นเราจึงได้นัดแนะกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะเตรียมเอกสารให้ครบ พร้อมทั้งคำร้องขออนุญาตให้เด็กทั้งสองเดินทางไปแข่งขันในฮ่องกงในวันที่ 28 ธันวาคม 54 และเดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้ แล้วกลับมาติดต่อใหม่เพื่อยื่นเอกสารทั้งหมดในวันอังคารที่ 13 ธันวาคม และคุณเจ้าหน้าที่ก็ยังให้กำลังใจกับน้องทั้งสองค่ะ ว่าถ้าเอกสารที่เตรียมมาครบ ดำเนินเรื่องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ น้องทั้งสองก็จะได้รับ “หนังสืออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยให้เดินทางไปและกลับเข้ามาในประเทศไทย” เพื่อนำไปติดต่อขอทำ “เอกสารเดินทาง ณ กระทรวงการต่างประเทศได้ต่อไป”
ได้ฟังเช่นนี้แล้ว ผู้ส่งกำลังใจให้กับ น้องๆ ทั้งสอง ตลอดจนวงโยฑวาทิตตัวแทนประเทศไทย และอาจารย์โรงเรียนสวนลุมพินี คงจะใจชื้นขึ้นแล้วนะคะ เพราะวันนี้น้องทั้งสองและอาจารย์โรงเรียนสวนลุมพินียิ้มได้มากขึ้นแล้วค่ะ และเรามารวบรวมกำลังใจและร่วมกันตึดตามกันต่อไปค่ะว่า เยาวชนทั้งสองคนนี้จะมีโอกาสเดินทางไปแข่งขันในฮ่องกง และกลับเข้าประเทศไทยได้จริงๆ ค่ะ
อ.แหววมีความเห็นดังนี้
1. อยากให้ อ.ไหม กรุณาประสานงานกับคุณรัชนีเพื่อแจ้งอย่างไม่เป็นทางการถึงความจำเป็นที่จะต้องทำ TD ให้แก่น้องสมบูรณ์และน้องกิติยาด้วย และแนะนำ ว่า อ.เชอรี่จะทำหน้าที่ดูแลให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายครั้งนี้ด้วยนะคะ
2. อยากให้ อ.เตือน อ.ไหม และ อ.ชล โปรดช่วยเป็นที่ปรึกษา อ.เชอรี่ อย่างใกล้ชิดสำหรับการประสานงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ
3. อยากให้ อ.ด๋าว Darunee Paisanpanichkul หารือ อ.หนอน และคุณหมอนิรันดร์ไว้ล่วงหน้า หากจำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากองค์กรอิสระทั้งสอง
4. อ.เชอรี่ควรรีบทำความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิในสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของน้องทั้งสองโดยเร็วและเผยแพร่ต่อสาธารณะ ขอมวลมิตรที่มีความรู้ในเรื่องนี้ โปรดช่วยกันระดมสมองเพื่อให้ความเห็นทางกฎหมายที่ถูกต้องและมีความหนักแน่นชัดเจนมากที่สุด เพื่อที่จะสร้างประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิในการเดินทางเพื่อสิทธิมนุษยชนของเด็กทั้งสอง
5. คิดว่า น่าจะส่งความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนที่เคยสนใจกรณีน้องหม่องในทุกขั้นตอนที่ อ.เชอรี่ พาเด็กทั้งสองดำเนินการตามกฎหมายเพื่อใช้สิทธิ รบกวน อ.เตือนเอารายชื่อสื่อที่เคยสนับสนุนเรามาส่งข่าวอีกรอบดีไหมคะ
ขอบคุณทุกท่านค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์แหวว
อ่านคำแนะนำของอาจารย์แล้วค่ะ แล้วรี่จะค้นคว้าและทำความเห็นทางกฎหมายออกมาเร็วๆนี้ค่ะ และขอให้ทุกท่านช่วยดูด้วยอีกทีนะคะ.....เชอร์รี่
ส่งรายชื่อสื่อมวลชนและคนอื่นๆ ไปให้ในอีเมลแล้วนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
อีกอย่าง..เราจะสามารถเห็นภาพระหว่างการทำงานเพื่อช่วยเหลือน้องๆ เขาได้ไหมค่ะ อยากเห็นค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านด้วยครับ
ขอให้กำลังใจครับ ;)