เครื่องกรองน้ำดื่มช่วยน้ำท่วม


ราคาของเครื่องกรองน้ำนี้ถ้าเป็นขนาดท่อ 2 นิ้วจะอยู่ที่ประมาณ 150 บาทเท่านั้น ประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการแบบในการผลิตโดยละเอียดสามารถติดต่อขอได้ที่ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ. นครราชสีมา

คณาจารย์ มทส.  ผนึกความรู้สร้างเครื่องกรองน้ำดื่มราคาถูกเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 

จากการที่น้ำท่วมพื้นที่หลายจังหวัดต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งทำให้ขาดแคลนน้ำสะอาดเพื่อการดื่ม อีกทั้งน้ำประปาก็ถูกปนเปื้อนด้วยน้ำจากภายนอกซึ่งมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ด้วย ทำให้อาจไม่สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย (แม้จะยอมทนกลิ่นคลอรีนก็ตาม)  ดังนั้นคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จึงได้บูรณาการความรู้สองด้านคือด้านวิศวกรรมศาสตร์และด้านจุลชีววิทยาในการประดิษฐ์คิดค้นและทดลองเครื่องกรองน้ำราคาถูกและง่ายจนสามารถสร้างใช้ได้เองโดยประชาชนทั่วไป

 

ตัวเครื่องกรองน้ำประกอบด้วยท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้ว ยาว 2 เมตร ซึ่งนำมาตัดต่อเข้าด้วยกันด้วยข้องอเพื่อให้เป็นรูปตัวยู (ดังรูป)  ท่อด้านหนึ่งยาว กว่าท่ออีกด้านหนึ่งประมาณ 30 ซม.   ภายในท่อบรรจุทรายละเอียด  ตรงใกล้ปากท่อด้านต่ำบรรจุถ่านป่น หรือถ่านกัมมันต์  (activated  carbon) หนึ่งแก้ว ปิดทับด้วยทรายอีกหนึ่งแก้ว    และปิดทับด้วยหินทรายสะอาดอีกหนึ่งแก้ว (ถ้าไม่มีหินใช้ผ้าขาวบางอัดแน่นเป็นแท่งหนาสัก 5 ซม. แทนก็ได้)

 

วิธีใช้งานคือให้เติมน้ำดิบลงไปในช่องว่างด้านบนของท่อยาว เนื่องจากชั้นของทรายมีความหนาเกือบ 2 เมตร ดังนั้นน้ำดิบจะซึมผ่านทรายละเอียดอย่างช้าๆ ทำให้ทรายมีเวลานานพอในการกรองสิ่งโสโครกด้านกายภาพออกจากน้ำดิบ เช่น สารแขวนลอยต่างๆ  รวมทั้งจุลินทรีย์บางส่วน  อีกทั้งชั้นบางๆของถ่าน (กัมมันต์) จะช่วยกรองซับกลิ่นต่างๆได้อีกด้วย 

 

ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรทำการฆ่าเชื้อโรคในน้ำดิบด้วยคลอรีนเสียก่อน โดยใส่คลอรีนประมาณ 50 ในล้านส่วนโดยน้ำหนัก ( 50 ppm)  (ถังพลาสติก 6 ลิตร ใส่ก้อนคลอรีนประมาณ 10 ก้อน หรือเพียงหยิบติดปลายนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือจากถังคลอรีนผง ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านกรองน้ำทั่วไป)   ส่วนถ่านกัมมันต์ที่ใส่ประมาณ 1 แก้ว ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านกรองน้ำทั่วไป หากไม่มีถ่านกัมมันต์จะใช้ถ่านหุงต้มตำป่นแทนก็พอได้ แต่การกรองกลิ่นจะสู้ถ่านกัมมันต์ไม่ได้

 

น้ำสะอาดที่ได้จะเอ่อล้นออกมาทางด้านต่ำของหลอดตัวยู โดยจะไหลออกมาเป็นหยด ประมาณ 1 หยดต่อวินาที ซึ่งทำการรองรับด้วยขวดน้ำพลาสติกที่ผูกไว้กับท่อพีวีซี  ทำให้สามารถผลิตน้ำสะอาดได้วันละประมาณ 15 ลิตร ซึ่งน่าเป็นการเพียงพอต่อการบริโภคของครัวเรือนทั่วไป ถ้าต้องการปริมาณมากขึ้นก็ให้ใช้ท่อพีวีซีที่ใหญ่ขึ้นเช่น ขนาด 3-4 นิ้ว

 

สำหรับความสะอาดของน้ำที่กรองได้นั้น  ผศ.ดร. สุรีลักษณ์ รอดทอง อาจารย์ประจำสาขาวิชาจุลชีววิทยา สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ผู้ร่วมคิดค้นทดลองด้านจุลชีววิทยาเปิดเผยว่า ทีมงานด้านจุลชีววิทยาภายใต้การดูแลได้ทำการตรวจวัดความสะอาดของน้ำตามมาตรฐานองค์กรอนามัยโลกด้วยการเพาะเลี้ยงเชื้อ ปรากฎว่าน้ำที่ได้หากมีการใส่คลอรีนจะมีความสะอาดมาก โดยกำจัดจุลินทรีย์ได้ทั้งหมด (น้ำดิบเป็นน้ำจากสระน้ำของมทส. ที่มาจากน้ำฝนธรรมชาติไหลเซาะหน้าดินลงมายังอ่าง มีปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมด 1 ล้านโคโลนีหรือเซลล์ต่อมิลลิลิตร) รวมถึงการกำจัดโคลิฟอร์มแบคทีเรีย (Coliform bacteria) และเอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) ได้หมดสิ้น ซึ่งถือว่าสะอาดกว่าเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มปลอดภัยมาก ส่วนน้ำดิบที่ไม่ได้ใส่คลอรีนจะได้รับการกำจัดจุลินทรีย์ด้วยการกรองถึง 99% โดยมี จุลินทรีย์ทั้งหมดหลงเหลือประมาณ 1% หรือ 10,000 โคโลนีต่อมิลลิลิตร ซึ่งก็ยังถือว่าปลอดภัยต่อการดื่ม  เพราะน้ำที่ปลอดภัยตามมาตรฐานองค์กรอนามัยโลกควรมีปริมาณเชื้อต่ำ และกำจัดโคลิฟอร์มแบคทีเรีย และเอสเชอริเชีย โคไล ได้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม น้ำบริโภค (มอก. 257-2549)

 

การกรองด้วยวิธีนี้นอกจากจะได้น้ำที่ใสสะอาด มีเชื้อปนเปื้อนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากลแล้ว ยังช่วยลดสารโลหะต่างๆที่ปนมากับน้ำดิบด้วย เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก แมงกานีส โคบอลท์ ส่วนกลิ่นต่างๆ รวมทั้งกลิ่นของคลอรีนก็ถูกกรองออกหมด ดังรูปด้านซ้าย น้ำดิบในขวดใหญ่มีสีขุ่นและมีเชื้อโรคปนระดับหนึ่งล้านโคโลนีต่อซีซี แต่พอกรองแล้วมีความใส ไร้กลิ่น และขจัดจุลินทรีย์ (ขวดเล็กกลาง) ได้เทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดของมทส.  (ขวดเล็กริมขวา)

 

เคล็ดลับสำคัญประการหนึ่งของเครื่องกรองนี้คือการทำลายจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนมากับทรายเสียก่อนด้วยการล้างทรายด้วยน้ำประปาสัก 5-6 น้ำ จากนั้นนำมาต้มให้เดือดเป็นเวลาสัก  30 นาที ทั้งนี้เพราะทรายส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่มีขายตามร้านวัสดุก่อสร้างนั้นเป็นทรายแม่น้ำ ที่มีโคลน เศษไม้ และ เชื้อโรคปนเปื้อนมากพอสมควร

 

รศ. ดร. ทวิช จิตรสมบูรณ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล สำนักวิชาวิศวกรรศาสตร์ผู้ประดิษฐ์คิดค้นทดลองด้านวิศวกรรมศาสตร์ ระบุว่าเครื่องกรองน้ำนี้ถือเป็นนวัตกรรมครั้งแรกที่สามารถจดสิทธิบัตรและจำหน่ายได้ทั่วโลก แต่เห็นว่าประชาชนไทยกำลังอยู่ในระหว่างความทุกข์จากภัยน้ำท่วมจึงขอเปิดเผยให้สังคมได้ทราบหลักการทำงานเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป

 

สำหรับราคาของเครื่องกรองน้ำนี้ถ้าเป็นขนาดท่อ 2 นิ้วจะอยู่ที่ประมาณ 150 บาทเท่านั้น ประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการแบบในการผลิตโดยละเอียดสามารถติดต่อขอได้ที่ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อ.เมือง จ. นครราชสีมา  เบอร์โทร 044 22 4410 (คุณทัศนีย์ ทิพย์สาคร)

หมายเลขบันทึก: 469107เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2011 09:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 13:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • เพียงสายลมพัดผ่านสะท้านหนาว
  • เพียงชั่วคราวร้าวรานถึงปานไหน
  • ยามโลกร้างอย่างนี้ไม่มีใคร
  • จะหนาวในใจเหน็บยิ่งเจ็บนาน เอย

 

กลับมาอ่านหน้านี้.. ก็ได้คำตอบที่ถามท่านอาจารย์ไว้แล้วค่ะ..ราคาถูกอย่างนี้ ทำง่ายไม่ยุ่งยาก และคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างงี้ซิ..น่าส่งเสริมความคิดของคนไทยนะคะ...มันอาจจะดูไม่เหมือนเครื่องกรองน้ำสำเร็จรูปที่เราซื้อมาแต่ว่าจริงๆแล้วเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้างในมีอะไรบ้าง(ทำไมมันถึงแพงจัง)แต่ก็ซื้อตามๆกันไปแหล่ะ ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของสื่อและของupline เราเอง อิอิอิ

เห็นภาพ เข้าใจแล้วค่ะ

ถ้าเราจะล้างสารกรองทำอย่างไรคะ  หรือต้องเทออกมาล้าง

เป็นเรื่องกรอบน้ำที่น่าสนใจมากค่ะ

ถ้าได้นำไปใช้จริงจะเกิดประโยชน์และช่วยประหยัดได้มาก

แต่คงต้องดูเรื่องทรายนิดหน่อยใช่ไหมคะ

เรื่องการล้างระบบเรายังไม่ทราบแน่ชัดครับ อย่างยากคือต้องเททั้งหมดออกมาล้าง อย่างง่ายคืออาจปาดเอาเฉพาะทรายส่วนหน้าทิ้งแล้วเติมทรายสะอาดเข้าไปทดแทน เพราะเชื่อว่าตะกอนจะเกาะกันหนาในส่วนหน้าของทรายเท่านั้น

เราจะรู้ว่าต้องทำความสะอาดระบบก็ต่อเมื่อน้ำเริ่มไหลช้าลงมาก และหรือ เริ่มได้กลิ่นคลอรีนเป็นต้นครับ ซึ่งคาดว่าน่าจะนานเป็นหลายเดือน หรือ ปี

น้ำดิบที่จะเทลงระบบนั้นควรกรองหยาบด้วยผ้าขาวบางก่อน เพื่อกำจัดสิ่งแขวนลอยหยาบ ก็จะช่วยยืดอายุระบบได้ด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท