นายหัว
นาย เจ้าชาย ณ เมืองห้วยแร่

ความจริง ..ทางเลือกสุดท้าย


สุดท้าย

ความจริง…ทางเลือกสุดท้าย

          ยามเย็นแห่งวันนี้ได้มาเยือนอีกคราหนึ่ง และเป็นยามเย็นของเมื่อวานนี้และวันเก่าๆ นับพันนับล้านปีที่ผ่านมา แหงนมองไปทางระเบียงหลังหอพัก เด็กน้อยนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้มีทะเลาะกันบ้าง ร้องไห้บ้าง ทุกข์ สุขและอื่นใด สักพักหนึ่งเด็กน้อยก็กลับสู่โหมดปกติ หาได้คิดอื่นไกลไป สภาพชีวิตความเป็นเด็กจึงแตกต่างและไม่รู้เดียงสา ไม่รับรู้ความเป็นไปของโลกมากไปแต่อย่างใด ต่างจากผู้ใหญ่หรือวัยชราภาพที่เฝ้าสรรหา และนับถอยหลังเวลาสู่การก้าวหน้าและการกลับคืน

            การมีชีวิตอยู่ของมนุษย์เป็นอะไรที่ประเสริฐและมีคุณค่ายิ่งนัก ในระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ประสบกับความจริง ความจริงของชีวิตที่เรารู้ ว่าเป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงได้เลย สิ่งนั้นคือ ความตายและการจากลา

            คืนวันศุกร์ ที่11 เดือนพฤศจิกายน 2554 การขับรถจักรยานยนต์อย่างวัยหนุ่มทั่วไป ได้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้กระทำในชีวิต และเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบและจากกัน ดีน Sweeteye หรือ               น้องอภิชาต เมโส  ได้จากโลกนี้ไปกลับสู่ความเมตตาแห่งผู้บัญชาสวรรค์และจักรวาลทั้งมวล

            การได้ทราบข่าวการจากไปในตอนเช้าของวันเสาร์ ที่ 12 ข้าพเจ้าหาได้คิดไม่ว่า เหตุใดรุ่นน้องที่เล่นฟุตซอลพร้อมกันทุกยามเย็น หน้าหอสอง มอ.หาดใหญ่ ได้ด่วนจากไปเร็วเยี่ยงนี้ ข้าพเจ้าจำหน้าไม่ได้ นึกไม่ออกจริงๆ ในตอนแรก สงสัย ใครหว่ะ! โกหกมั่ยเนี๊ย! จึงขับรถมุ่งหน้าจากอำเภอจะนะ มุ่งสู่อำเภอสิงหนคร บ้านม่วงงาม ในระยะเวลา ชั่วโมงสิบห้านาที อย่างเร็วจัดก็ไปถึง สภาพนักศึกษามากมายสามคันรถบัส เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จากมหาลัยและพื้นที่ใกล้เคียง มากันพร้อมหน้าพร้อมตากับความอาลัยเหลือคณานัก

            เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ก็เจอคุณแม่ของดีน และน้องชาย นั่งเศร้าน้ำตาไหล ข้าพเจ้าจำหน้าดีนไม่ได้ แม่จึงเปิดหน้าศพให้ดู ทันใดข้าพเจ้าวิ่งออกทางหน้าประตูบ้าน ฝ่าผู้คนออกไป ทุกคนมองมาที่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายืนกลางถนนหน้าบ้าน คล้ายว่าโลกเป็นสีเทา น้ำตาน้ำมูกใกล้ไหลออกมา จะร้องไห้กลางฝูงชน ก็อายดูหมดมาดเข้มพอดีกัน จึงกัดฟันทำหน้าเข้มเดินไปดูศพน้องอีกคราหนึ่ง แรกเจอความจริง ข้าพเจ้าพยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าฝันไป แต่สิ่งอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า มันคือความจริง เขาจากไปแล้ว เขาจากเราไปจริงๆ

            สักพักพ่อของน้องกลับมาจากทะเลพร้อมความอาลัยอย่างแสนสุด กลับมากอดลูกอีกครา น้ำตานองหน้า ถ้าหากพ่อทำได้อยากให้ลูกกลับมาอีกครา มาพร้อมหน้าพร้อมตาพร้อมครอบครัว แต่เราเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ และเราต้องกลับคืนสู่อัลลฮอย่างแน่นอน

พิธีละหมาดใกล้เริ่มขึ้น  พร้อมการหลั่งไหลของฝูงชนญาติสนิท มิตรสหายจนล้นมัสยิด จบลงด้วยการเดินตามการแบกศพไปสู่สุสานหรือกูโบร์ เขานำน้องลงหลุมแล้วกลบดิน ทุกคนช่วยกันกลบน้องจนหลุมมิด ตามมาด้วยการขอพรและตักเตือนเตือนสติให้ระลึกถึงความตายตามวิถีชนมุสลิม ข้าพเจ้าอยากให้มันเป็นแค่ความฝัน แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดเพื่อปลอบใจตนเอง ทั้งที่รู้ว่าสิ่งนั่นคือ สัจธรรม และข้าพเจ้าก็เป็นคนนึงที่ต้องเดินทางสู่สัจธรรมเช่นกันอย่างแน่นอน

ตลอดระยะเวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ญาติสนิทที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้า ได้ป่วยพักรักษาตัว ณ โรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่ ชายหนุ่มวัย 23 ปี ป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว ผ่าตัดมาสองครั้งสองครา มีอาการแทรกซ้อนจนหลายโรคเข้ารุมเร้าตลอดมา เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ด้วยเหตุใดกัน อยู่ๆชายหนุ่มที่เล่นฟุตบอลทุกๆวัน อยู่ๆเกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เอาแต่นอนซม จนวันหนึ่งหมอบอกว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว เมื่ออายุได้ 21 ปีกว่าๆ สิ่งที่ครอบครัวและเขาได้พบเจอ ดั่งมรสุมร้ายที่โหมกระหน่ำเข้ารุมเร้าอย่างหนัก ความทุกข์ ความเครียดเกิดทวีกับจิตใจและญาติพี่น้อง การเดินทางเข้าออกโรงพยาบาล ในระยะเวลาปีกว่าๆ ประดุจดั่ง บ้านตนเองที่มีหมอเป็นพี่ชาย พยาบาลเป็นพี่สาว คนไข้รอบข้างเป็นเพื่อนคุยยามเหงา และคนรอบข้างเหล่านั้นบางส่วนที่ตายจากไปนับสิบคนในรอบปีที่เขาอยู่โรงพยาบาล

เข้าสู่สัปดาห์ที่สามของการมาโรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่ การจากไปของดีน ยังจำติดสมองข้าพเจ้าและบางครั้งบางครายังตามาย้ำเตือนข้าพเจ้าให้หวาดหวั่นบางเวลา วันคืนผันผ่านในทุกๆวัน ข้าพเจ้าท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทำงานบ้างเล่นบ้าง พูดคุย เตะบอลกับเพื่อนๆ และทุกวันเช่นกันที่ต้องไปเยี่ยมญาติที่ป่วยที่โรงพยาบาล บางคราก็มีเพื่อนบางคนที่สนใจในความเป็นมนุษย์ หรือยิ่งกว่าความเป็นมนุษย์ทั่วไปคือความเป็นพี่น้อง ได้มาไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้าง พอเป็นยาชุบใจคนป่วยไข้และญาติที่มาเฝ้า

 

 

 

หมอบอกว่าจะผ่าตัดลิ้นหัวใจในวันพุธ ที่ 16 พฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา แม่ของเขาร้องไห้อย่างหนัก แต่เป็นการแอบร้องไห้โดยมิให้เขาเห็น ต่อมาแม่เขากลับบ้านไปก่อนหน้าสองวัน เพื่อเตรียมเงินค่ารักษา และกลับบ้านไปดูแลน้องคนเล็กที่อายุขวบกว่าๆ เสียงโทรศัพท์กลับไปบอกแม่ ว่าอยากเจอหน้าน้องชายคนเล็กมาก คิดถึงน้อง อยากเจอหน้าน้อง ต่อมาแม่จึงพาน้องชายคนเล็กมาเจอหน้า พร้อมการพูดจาเฮฮาประสาคนในครอบครัว เขาฟื้นตัวขึ้นอย่างเร็ววัน อาการดีขึ้นผิดปกติ จนถอดสายน้ำเกลือ รับประทานอาหารได้ตามปกติและมากกว่าปกติ เดินเหินได้สะดวก หน้าใส ยิ้ม จนข้าพเจ้าคิดว่าเขามิได้เป็นโรคอะไรเลย หรือน่าจะหายจากโรคซะด้วยซ้ำไป

สัญญาณร้ายได้ถูกอุบัติขึ้น แม่ของเขาทราบถึงสัญญาณว่าวาระสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว ทั้งๆที่เจอหน้าน้องชายเป็นประจำ แต่อยากเจอหน้าน้องเป็นครั้งสุดท้าย การมีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมยอมรับการผ่าตัด ทั้งๆที่เสี่ยงสูงมาก จึงอดไม่ได้ที่ญาติคนอื่นๆแอบร้องไห้ตลอดสองสามวัน ก่อนผ่าตัดหนึ่งคืน ข้าพเจ้ามาเจอเขา และญาติของเขา เราพูดคุยกันเฮฮาประสาญาติสนิท กินขนมนมเนย สีหน้าเศร้าของญาติปรากฏ แต่สีหน้าของเขายังมีหวังและตาเปล่งประกาย เขาพูดขึ้นมา ทำให้ผมจำได้ และจะจำจนวันตายในคำนั้นคือ “ กูสู้ สู้เสมอ กูไม่กลัว พรุ่งนี้ชีวิตไม่ตายก็รอด ไม่รอดก็ไม่รอด แต่ยังไงก็ยังมีหวัง หวังเสมอ” พร้อมสีหน้าจริงจัง เด็ดเดี่ยวและท้าชน

เช้าตรู่ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554  ณ โรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่ พี่ๆที่หอพักพร้อมเพื่อนได้ไปเยี่ยม พร้อมพูดคุยให้กำลังใจเขาก่อนการผ่าตัดในเวลา 9.00น. การไปพร้อมการพูดคุย พร้อมการถ่ายรูปลงโทรศัพท์มือถือก่อนการผ่าตัด ข้าพเจ้านอนไม่สบายที่หอพัก และสิบโมงจึงไปหาญาติๆแล้วรอจนถึงตอนค่ำ ด้วยใบหน้าที่อาลัยของญาติๆจึงรู้แน่ว่าความหวังในการผ่าตัดนี้ริบรี่นัก หมอเรียกญาติให้เข้าพบหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น หมอบอกว่าอาการหนัก ญาติคนอื่นๆร้องไห้ แต่ข้าพเจ้ากับแม่เขานิ่งๆอยู่ สักพักแม่เขาก็โทรกลับที่บ้านบอกให้ญาติเอารถมารับตัวกลับบ้านอย่างด่วนจากสตูล สักพักนึงหมอเรียกเขาพบอีกครา หมอบอกว่าคนไข้ไม่ไหวแล้ว พร้อมพนมไหว้อย่างขออภัย และหน้าเศร้า แม่ยืนนิ่ง ญาติคนอื่นๆร้องไห้อย่างหนัก

ข้าพเจ้ามิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ทั้งๆที่เป็นคนร้องไห้ยากเหลือเกิน ทำไมข้าพเจ้าต้องร้องไห้ ทำไมข้าพเจ้าจึงยอมรับสัจธรรมไม่ได้ นั่นเป็นทางเลือกของเขา ทางเลือกสุดท้ายที่เราต้องยอมรับในการตัดสินของผู้บัญชาสากลโลก โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุนชั่วขณะ น้ำตาไหลออกมาปรากฏ คำตอบสุดท้ายของเขา คือการจากลา จากไปอย่างไม่มีวันกลับคืน จนวันนี้การเดินทางกลับมาหาดใหญ่หลังพิธีฝังศพเสร็จสิ้นยังมาย้ำเตือนอารมณ์ข้าพเจ้า การเดินทางสะท้อนจุดหมายได้หลายเป้าหมาย แล้วแต่การเพ่งจิต ชีวิตเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางในการแสวงหา สำหรับเขานั้นไม่ตายก็รอด แล้วสำหรับเราหละตอนนี้เป็นอย่างไร เราพบว่าตอนนี้ชีวิตเราไร้เป้าหมายอย่างแท้จริงนักถ้าไม่โกหกตัวเอง เราบอกว่าเราเรียนเพื่อโน้น นี่ นั่น เราบอกว่าเราตายไปเพื่อโลกหน้า แต่สิ่งที่เรากระทำและเป็นอยู่ กลับขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เราจึงพบว่านอกจากเราหลอกคนอื่นแล้วเรายังหลอกตัวเองตลอดเวลา วันเวลาที่เปลี่ยนไป อะไรๆก็เปลี่ยนไปเสมอมา เราลองนึกดู ว่าตอนนี้หากมีเวลาใกล้ถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตแล้ว ทางเลือกสุดท้ายเราคืออะไร เราจะทำอะไร เราจะคิดถึงใคร เรายังมีหวังหรือจะสู้ต้อไปอีกหรือไม่ และผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

            อัสดงย่ำลงเริ่มลิบลับ แสงสุดท้ายใกล้ลาจากเริ่มหดหาย แสงดาวแห่งศรัทธาได้ดับวูบลง ดวงหนึ่งคือความชิดใกล้  ดวงหนึ่งคือความใกล้ชิด ฟ้าเริ่มมืดครึ่ม อารมณ์เริ่มหม่นหมอง เพราะโดดเดี่ยวคนเดียวในหอพัก เด็กน้อยกลับเข้าบ้านแล้ว ไปอาบน้ำ กินข้าว ดูทีวีหนังน้ำเน่าก่อนนอน เข้าสู่การหลับฝันและก้าวสู่วันใหม่ต่อไป และเป็นอย่างนั้นเรื่อยไปแบบวิสัยทัศน์เด็กๆ ตัวน้อย ค่ำคืนได้มาเยือนแล้ว การจากลาได้ประจักษ์ผลและสัจธรรมได้พบเจอ ความจริง…ทางเลือกสุดท้าย ยังท้าทายสติปัญญาและเหตุผล สำหรับบุคคลที่ยังมีลมหายใจและ สำหรับคนที่ไม่มีคำตอบสุดท้ายของชีวิตทั้งหลาย

            คำตอบสุดท้าย ทางเลือกสุดท้าย เราจะไปแห่งหนใดกัน คำตอบสุดท้ายคือคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ จิตวิญญาณจะล่องลอยไป ณ แห่งหนใด ความท้าทายเริ่มปรากฏอีกครานึง อีกครานึง …เสียงดังแว่วในโสตประสาท และรอบจักรวาลดังกังวาลขึ้น “สู้เสมอ สู้! ไม่กลัว ไม่ตายก็รอด หวังเสมอ ยังมีหวัง หวังเสมอ” ความมืดดำได้มาโอบกอดฉัน จนดำดิ่งลงสู่รัตติกาลอันสงบ จินตนาการได้ลากพาจิตวิญญาณให้ล่องลอย โหยหาสถานที่อันอุดมสุขจากเภทภัยในโลกาปัจจุบัน เราและนาย! ดีน ,สุไลหมาน เรายังย่ำเดินอยู่บนความทรงจำที่ไม่จางหายตลอดนิจนิรันดร์ และเราจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครานึง ณ วันแห่งเราได้กลับคืนพิพากษา สู่ผู้บัญชาสวรรค์ นรกและจักรวาลทั้งมวล เราและนาย ต่างเชื่อต่างศรัทธาในความจริงนี้ เพราะความจริง คือความจริง และสิ่งแรกรวมถึงสิ่งสุดท้ายของจักรวาลคือความจริง เป็นความจริง เป็นความจริงและเป็นความจริง ตลอดไป…

                                                             แด่…ดีน Sweeteye ,สุไลหมาน  และพี่น้องรวมจักรวาล

                                                                      >>เจ้าชาย<<     

                                                                            19/11/54

หมายเลขบันทึก: 468751เขียนเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2011 04:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท