จังหวะน้ำท่วมขอร่วมคิดเห็น "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"


เว็บไซต์เพื่อสังคม "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"

 

            สนใจเนื้อหาอื่น ๆ คลิก http://www.nature-dhrama.com

         *****   มาเล่นสนุกกับเว็บไซต์ ท่านคลิก ตัว "ถ" ของชื่อเรื่องข้างล่าง พบอะไรมากมาย

นนไร้คนเดิน คลองไม่ตื้นเขิน แต่คนเดินในคลอง

 

           แนวคิดของ"ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"บ้านเมืองไม่ต้องมีถนนซึ่งหลายคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ธรรมชาติขอยืนยันว่ามันย่อมเป็นได้ด้วยเหตุที่เราหันหลังให้กับระบบการแข่งขันทางการค้า การแข่งขันทางธุรกิจ การแข่งขันทางวัตถุ (ถอยหลังให้กับระบบวัตถุนิยม) เมื่อถอยจากสิ่งนี้ไปได้ ถนนก็ไม่จำเป็น และที่สำคัญ ถนนเปรียบมารร้ายในหลักของ "ธรรมชาติธรรม"

          เมื่อเราถอยหลังกลับมาอยู่อย่างแนวธรรมชาติธรรมอย่างมีระบบถึงจุดนั้นมนุษย์มาอยู่ร่วมกันตามธรรมดา ตามธรรมชาติ ตามแนวของสัตว์สังคมทั่วไป เช่นตัวต่อ ผึ้ง หรือปลวก เรามาอยู่แบบพึ่งพา ไม่มีระบบเงิน ไม่มีการซื้อการขาย อยู่เพื่อดำรงชีพให้อยู่รอด การศึกษาที่จัดที่มีเพื่อพัฒนาด้านการเป็นอยู่ที่ดี อาหารที่ปลอดสารเคมี นันทนาการที่เหมาะสม ออกกำลังกายที่เป็นระบบ ศีลธรรมกลับมาซึ่งเหนือกว่ากฎหมาย หรืออื่น ๆ (ตามที่นำเสนอในเรื่องเราจะอยู่อย่างไร)โดยมีรัฐบาลในรูปแบบของธรรมชาติธรรมที่เป็นแกนกลางเพื่อสนับสนุนชุมชน ให้อยู่ดีมีความสงบสุขที่แท้จริง เมื่อถึงจุดนี้เราเห็นว่าถนนไม่มีความจำเป็น

           ที่เราเห็นถนนมาตรฐานในปัจจุบันนี้ และถนนยิ่งขยายยิ่งเพิ่ม ก็เพราะเพื่อการคมนาคมที่สะดวกที่จำเป็น เนื่องด้วยการแข่งขันทางการค้าทวีเพิ่มอย่างมาก และรวดเร็ว ถนนนี้คือมารร้ายของแนวธรรมชาติธรรม

           ถนนเป็นมารร้ายอย่างไร ถนนคือกำแพงกั้นน้ำซึ่งมีผลทำให้น้ำท่วม ถนนคือผู้ทำลายภูเขา(ดิน และหิน) ถนนคือผู้ทำลายหน้าดิน ถนนคือผู้ทำลายป่าไม้ (ถนนทำลายธรรมชาติ และส่งผลถึงระบบนิเวศ)

           ถนนเป็นกำแพงกั้นน้ำอย่างดี ระดับของถนนจะสูงกว่าพื้นดินบริเวณที่สร้างโดยประมาณคร่าว ๆ ไม่ต่ำกว่า 1 เมตร หรืออาจจะมากกว่านั้น จึงเป็นกำแพงกั้นน้ำที่ถาวร แม้ว่าจะสร้างท่อน้ำ อุโมงน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ทำกันทั่ว ๆ ไปก็ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน จึงเป็นต้นเหตุให้น้ำท่วมขังในฤดูน้ำหลาก ทำลายพืชผลการเกษตรกันอย่างที่ทราบ ยิ่งถูกมรสุมกระหน่ำ ฝนตกมากกว่าปกติก็ยิ่งสร้างความเสียหายเป็นทวีคูณ

           สมัยเมื่อประมาณ 40 ปี ก่อนนี้ถนนหนทางมีน้อยมาก ตอนนั้นใช้เส้นทางรถไฟเป็นหลัก สมัยนั้นไม่ปรากฏน้ำท่วมอย่างปัจจุบัน มีน้ำหลากตามฤดูกาลซึ่งเป็นเรื่องปกติ จะมากน้อยก็ขึ้นกับแต่ละปี แต่ก็มีปริมาณที่มากหรือน้อยไม่แตกต่างกันมากนัก เรื่องเขาถล่ม ดินเลื่อน ดินถูกกัดเซาะ จนเป็นโคลนตมมันไม่มี ถนนถูกทำลายก็ไม่มี เพราะไม่มีถนนไปกั้นน้ำให้ถูกทำลาย

           ถนนเป็นผู้ทำลายธรรมชาติ และระบบนิเวศ ดินที่ใช้ทำถนนขุดจากภูเขา จากหน้าดินทั่ว ๆ ไป ดินจำนวนไม่ใช่น้อยที่นำมาทำถนนแต่ละสาย หินจำนวนไม่น้อยที่ขุดจากภูเขามาทำถนน หน้าดินถูกทำลายไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขา หรือพื้นดินทั่ว ๆ ไป ขณะที่ขุดหินขุดดิน ป่าไม้ ไม้ หน้าดินก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน เมื่อฝนตกมามากเมื่อไรส่งผลให้ดิน หินเลื่อนไหล หน้าดินถูกน้ำกัดเซาะพังทลาย กลายเป็นน้ำโคลน น้ำตม ไหลมาท่วมท้นพื้นที่ที่ผ่าน (ดูเหตุการณ์เป็นตัวอย่างจากน้ำท่วมภาคใต้ เมื่อระหว่าง มี.ค.-เม.ย. ปี2554)

          เมื่อเราไม่มีถนนแล้วเราจะมีอะไรใช้ในการคมนาคมหลักการอยู่ร่วมแบบธรรมชาติธรรมตัดขาดเรื่องใช้เส้นทางคมนาคมเพื่อการค้า เพียงแต่ใช้เส้นทางเพื่อไปมาหาสู่ระหว่างชุมชน เส้นทางที่ไม่ต้องสร้างที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติบ้างเช่น ทะเล แม่น้ำ ลำคลอง ยังพอจะใช้อยู่ได้ และถ้าจำเป็นจะสร้างก็คือการขุดคลองแทนถนน

           คลองไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางคมนาคม คลองยังเป็นการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรที่สำคัญอีกด้วย ตามประวัติศาสตร์แหล่งอารยะธรรมทุกแห่งในโลกที่เกิดขึ้นล้วนเกิดที่ฝั่งแม่น้ำทั้งนั้น เพราะที่นั้นมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ กุ้ง หอย ปู ปลา และนานาสัตว์ ที่นั้นมีความชุ่มชื่นเหมาะในการเกษตร ที่นั้นมีอินทรียวัตถุอย่างสมบูรณ์ หรืออะไร ต่อมิอะไรที่เอื้ออำนวยให้มนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้อย่างดี

            เมื่อเราเห็นคลองมีความสำคัญในสองประการใหญ่ ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว เราก็วางแผนการขุดคลองอย่างมีระบบตามความจำเป็น เป็นคลองใหญ่ คลองเล็ก เชื่อมต่อตรงนั้น ตรงนี้ การคมนาคมก็สะดวก การเกษตรก็ไปได้ดี เท่านี้เราก็อยู่รอดด้วยดี เมื่อเราใช้เส้นทางเรือเพียงเพื่อไปมาหาสู่ หรือบรรทุกอาหารเพื่อการแบ่งปันอย่างนี้ ไม่ใช้เพื่อการขนส่งสินค้า ก็คงใช้เรือไม่กี่ลำที่จะไปเหนือ ล่องใต้ ให้ไปถึงอีสาน ปรับปรุงเรือให้มาตรฐาน ความสะดวกสบาย การติดต่อกันฉันท์มิตรก็คงไม่มีปัญหา เรื่องนี้ก็ต้องคิดต้องทำกันต่อไป

           มีคลองเก็บน้ำ น้ำไหลสะดวก เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ก็คงไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขังแน่นอน เส้นทางคลอง แม่น้ำตามธรรมชาติที่มีแต่เดิมที่ไหลลงทะเลก็คอยดูแล จะขุดเพิ่มก็ศึกษา วิจัยไปตามกระบวนการ

           ถนนที่มีจะเอาไปไหน ถนนเหล่านี้จะกลายเป็นฝั่งทะเลงอก ฝั่งทะเลงอกคืออะไร ก็คือฝั่งทะเลที่ถูกดินถมให้งอกออกไป ถนนทุกสายซึ่งมีดิน หิน อิฐ ปูน จำนวนมากมาย จะถูกขุดนำไปเป็นฝั่งทะเลงอกจนหมด กำแพงกั้นน้ำจะหมดสิ้น เมื่อเกิดธรรมชาติธรรมเต็มรูปแบบ ถึงตอนนั้นเรื่องน้ำท่วม น้ำไม่มีใช้ในการเกษตรคงไม่มีให้เห็น

            ถึงตอนนี้ธรรมชาติเริ่มกลับมาสู่ความเป็นปกติขึ้น ระบบนิเวศคืนสภาพเดิมได้บ้าง ความชุ่มชื่นเริ่มเกิด อากาศที่สดชื่นบริสุทธิ์ด้วยออกซิเจนเพิ่มปริมาณ ฝุ่นละอองในอากาศจางหายไป คาร์บอนเอียงอายหลบซ่อนจนหาไม่ค่อยพบเจอ ป่าไม้ตะโกนร้องไชโยต่างงอกเสียดแทรกด้วยความระเริง และเป็นฉันท์มิตร เพลงจากธรรมชาติเริ่มบรรเลงเหมือนดังเก่าก่อน ท่านคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสวรรค์ของมนุษยชาติใช่ไม่ครับ หากท่านเห็นด้วย เชิญครับ เราลงเรือลำเดียวกัน สู่คลอง แม่น้ำที่เราจะปลูกปั้นเพื่อเข้าให้ถึง "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก"
ด้วยความตั้งใจจริงของผู้ประสานงาน "นายประทีป วัฒนสิทธิ์"

หมายเลขบันทึก: 467615เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2011 17:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 21:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณ คุณสันติสุข สำหรับกำลังใจตรับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท