เดโมคริตัส (Democritus : ๔๖๐ – ๓๗๐ ก่อนคริสตกาล) มีบทบาทสำคัญในการให้ความคิดที่สำคัญสองประการแก่วิชาเศรษฐศาสตร์
ประการแรก ในฐานะผู้ให้กำเนิดทฤษฎีมูลค่าที่เป็นอัตวิสัย (subjective value theory) โดยสอนว่า คุณค่าทางคุณธรรมและจริยธรรมจะต้องชัดเจนแน่นอน แต่คุณค่าทางเศรษฐศาสตร์จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องของอัตวิสัย เช่นเดียวกับที่ว่าความดีและความจริงจะต้องเหมือนกันหมดสำหรับทุกคน แต่ความสุขอาจจะแตกต่างกันไปตามการให้คุณค่าของแต่ละบุคคล ไม่แต่เฉพาะการให้คุณค่าจะเป็นอัตวิสัยเท่านั้น ความเป็นประโยชน์ (usefulness) ของสิ่งของอาจจะหมดความหมาย หรือแม้กระทั่งเป็นลบ ถ้าหากอุปทานมีมากเกินขอบเขต โดยชี้ให้เห็นว่าถ้าหากคนพยายามจำกัดอุปสงค์ของตนและลดความต้องการลง สิ่งของที่เขามีอยู่ในปัจจุบันจะทำให้เขารู้สึกมั่งคั่งขึ้นแทนที่จะรู้สึกว่ายากจนลง ประเด็นนี้เท่ากับเป็นการตอกย้ำความสำคัญอรรถประโยชน์ (ความพึงพอใจ) เชิงอัตวิสัยของทรัพย์ จุดนี้นับว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สำคัญมากที่ขาดหายไปจากเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบัน เพราะได้มีการเอาประโยชน์ทางคุณธรรมและจริยธรรมออกไปจากวิชาเศรษฐศาสตร์นั่นเอง นอกจากนั้น เดโมคริตัสยังเป็นบุคคลแรกที่ให้ความสำคัญแก่การให้ความพอใจแก่เวลา (time preference) โดยกล่าวว่า มนุษย์มักพอใจที่จะได้รับสิ่งของในปัจจุบันแทนที่จะเลื่อนไปรอรับในอนาคต เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่จนแก่หรือไม่ ดังนั้น ของที่มีในมือเดี๋ยวนี้จะดีกว่าของที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต
ประการที่สอง คือ แนวคิดในทรัพย์สินส่วนบุคคล เป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับการรวบของทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นของจักรพรรดิหรือของพระราชาในแบบตะวันออก พื้นฐานของเศรษฐกิจสังคมของกรีกเป็นระบบทรัพย์สินส่วนบุคคลแบบของเอเธนส์ ส่วนการมีทรัพย์สินร่วมกันของอภิชนเป็นแบบของสปาร์ตา เดโมคริตัสสรุปว่าทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นรูปแบบการจัดการทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับการให้ชุมชนเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เนื่องจากรายได้จากทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมจะให้ความพึงพอใจแก่แต่ละบุคคลน้อยกว่า อีกทั้งการใช้จ่ายทรัพย์สินส่วนรวมก็ทำได้โดยไม่รู้สึกเดือดร้อน ความลำบากจากการทำงานจะเป็นความหวานชื่นมากกว่าความเกียจคร้าน เมื่อคนรู้ว่าเขาได้รับผลตอบแทนจากหยาดเหงื่อของเขาและรู้ว่าจะใช้มันไปเพื่ออะไร แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ความคิดในเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคลในปัจจุบันขาดมาตรฐานทางคุณธรรมที่สำคัญนี้ไป
ไม่มีความเห็น