ประเด็นคุณภาพ/ความเสี่ยงที่สำคัญ: |
||||||
ข้อมูล/ตัวชี้วัด |
เป้าหมาย |
2550 |
2551 |
2552 |
2553 |
2554 |
อัตราทารกแรกคลอดน้ำหนัก < 2,500 กรัม |
< 7 % |
7.61 |
5.26 |
11.51 |
9.4 |
|
Early Breast Feeding |
> 95 % |
- |
64.09 |
82.11 |
98.52 |
|
อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน |
< 5 % |
|
|
|
|
|
- BA |
|
ไม่ได้เก็บข้อมูล |
|
|||
- Hypoglycemia |
|
ไม่ได้เก็บข้อมูล |
|
|||
- Hypothermia |
|
ไม่ได้เก็บข้อมูล |
|
|||
- พัฒนาการสมวัย |
|
ไม่ได้เก็บข้อมูล |
|
|||
บริบท:ทารกแรกคลอดที่มีน้ำหนักตัว น้อยกว่า 2,500 กรัมเป็นกลุ่มโรคที่โรงพยาบาลหนองจิกให้ความสำคัญในปี 2554เนื่องจากแนวโน้มผู้ป่วยมีจำนวนคงที่ลดลงน้อย และอาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยปี2551พบทารกแรกคลอดน้ำหนักตัวน้อยร้อยละ 5.26แต่ในปี 2552มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.51ในปี 2553 มีจำนวนลดลงเล็กน้อย เป็นร้อยละ 9.4 (เกณฑ์ < 7% )ทารกแรกคลอดเหล่านี้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดที่รุนแรง ครอบครัวมีความวิตกกังวล สูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการดูแลทารกจากการเก็บข้อมูลในปี 2553พบว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากหญิงตั้งครรภ์ขาดความรู้ในการบริโภคอาหารที่เหมาะสมตามความต้องการร่างกายในขณะตั้งครรภ์มีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องในการบริโภคอาหาร และเจ้าหน้าที่ให้บริการฝากครรภ์ขาดความตระหนักในการติดตามน้ำหนักในระหว่างการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิดดังนั้นการบริการหญิงตั้งครรภ์ควรให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้เหมาะสมและสอดคล้องกับวิถีชุมชนในระหว่างการตั้งครรภ์โดยดึงสามีและญาติมีส่วนร่วม เพื่อทารกแรกคลอดน้ำหนักตัวปกติ เป็นความหวังของครบครัวและเป็นอนาคตทีมีคุณภาพของชาติต่อไปประเด็นสำคัญ :
กระบวนการ:+ ค้นหาหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ในชุมชนโดยอสม.- หญิงตั้งครรภ์รายใหม่ทำงานต่างพื้นที่เข้าสู่ระบบการฝากครรภ์ล้าช้า+ มีคลินิก ANC High Risk- รพ.สต.ส่งผู้ป่วยมาคลินิกล้าช้า+มีการคัดกรองความเสี่ยงต้องแต่เข้ารับบริการ+ ชั่งน้ำหนัก,ตรวจครรภ์, U/S เปรียบเทียบกราฟทุกราย- เจ้าหน้าที่คัดกรองไม่ครอบคลุมไม่เหมาะสมอายุครรภ์- รพ.สต.บางที่ไม่ได้ประเมินน้ำหนักทารกในครรภ์+ ดูแลตามวิถีชุมชน(อาหาร)- จนท.ขาดความรู้อาหารพื้นบ้าน+ ส่งกลับรพ.สต.เมื่อปรับเปลี่ยนได้และการเจริเติบโตทารกในครรภ์ปกติ+ ติดตามการเจริญเติบโตทารกในสมุดฝากครรภ์+ มีการประสานงานในเครือข่าย- ฝากครรภ์ไม่สม่ำเสมอ- ผู้ป่วยย้ายไปทำงานนอกพื้นที่ติดตาม case ไม่ได้+ มีระบบการคืนข้อมูลกลับพื้นที่เพื่อติดตามเยี่ยม case, ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง+ ดูแลประเมินอาการทารกทันทีหลังคลอด+ ป้องกันภาวะ Hypoglycemia,ควบคุม BT+ Early BF และรับ BF ทุก 2-3 ชม.+ ประเมิน BW ทุกวัน+ สอนสุขศึกษาแก่มารดาและผู้ดูแลทารก- ความเชื่อ ความไม่มั่นใจในการดูแลทารก+ มีการประสานงานในเครือข่าย+ แนะนำการมา NCCD ตามนัด+ ส่งคืนข้อมูลทารกให้รพ.สต.- ขาดนัดมารับการติดตามไม่สม่ำเสมอ .+ ติดตามในชุมชนโดย อสม.ผลการพัฒนาที่สำคัญ:จากการวิเคราะห์ประเด็นปัญหา พบว่าการบริการฝากครรภ์ควรให้หญิงตั้งครรภ์เห็นความสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้เหมาะสมและสอดคล้องกับวิถีชุมชน ในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยดึงสามีและญาติมีส่วนร่วม ในทุกระยะของการตั้งครรภ์ การคลอด และหลังคลอดวัตถุประสงค์- เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์มีความรู้และทักษะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคเหมาะสมในทุกระยะของการตั้งครรภ์- จำนวนทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัมเพิ่มขึ้น- จำนวนทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัมไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ป้องกันได้หลังคลอด- ทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม ได้รับการติดตามเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน ส่งเสริมพัฒนาการหลังคลอดทุกรายกิจกรรม- พัฒนาสมรรถนะเจ้าหน้าที่งานฝากครรภ์- คัดกรองความเสี่ยงและติดตามดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคแก่หญิงตั้งครรภ์ โดยวางแผนร่วมกันระหว่างหญิงตั้งครรภ์กับเจาหน้าที่ฝากครรภ์- ส่งเสริมการเลี้ยงลุกด้วยนมแม่หลังคลอด- เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทารกหลังคลอดอย่างใกล้ชิด- ส่งต่อข้อมูลในการติดตามทารกแก่ รพ.สต. ที่รับผิดชอบ และติดตามทารกต่อไปผลลัพธ์- อัตราทารกแรกคลอดน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัมลดลง- หญิงตั้งครรภ์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเหมาะสมตามสัดส่วนในทุกระยะการตั้งครรภ์- อัตราการให้นมแม่แก่ทารกน้ำหนักตัวน้อยเพิ่มขึ้น- เจ้าหน้าที่มรสมรรถนะในการดูแลหญิงตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม |
ไม่มีความเห็น