ในภาคการศึกษาต้น ปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ผมได้ทดลองวิธีการสอนแบบ "กรณีศึกษา" ในวิชาการจัดการทรัพยากรที่ดินและสิ่งแวดล้อม ระดับชั้นปีที่ ๔
โดยใช้สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นทางด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและของโลกในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็น
โดยนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิด ที่ไป ที่มา ความจริง ความเชื่อ และความเข้าใจผิดต่างๆในทุกระดับ
นำมาแจงให้เห็นข้อดีและข้อด้อยในการบริหารจัดการ
และพยายามชี้ประเด็นการวิวัฒนาการของปัญหาและสถานการณ์ต่างๆอย่างเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยพิจารณา
ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีอคติต่อใครทั้งสิ้น
เมื่อสอนจบประเด็นตามเวลาที่มี โดยใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ ๒๑ ชั่วโมง
ผมได้ออกข้อสอบแบบปรนัย ด้วยคำถามลูกโซ่จำนวน ๕๐ ข้อ ใน ๕ ระดับของระบบทรัพยากร และ ๑๐ ขั้นตอนของการแก้ไขปัญหาที่เป็นจริงในสังคมไทย
ผมพบว่า
จากผลการตรวจข้อสอบ พบว่า
ผมจึงได้ข้อสรุปสำคัญมากว่า
ผมได้ความรู้เพิ่มเติมอีกมากเลยจากการสอนและการวัดผลแบบที่ผมลองใช้ในภาคการศึกษานี้ครับ
ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาระบบการเรียนการสอนและการวัดผลการเรียนครับ
ขอบคุณคะ
ที่อาจารย์เปิดกว้างนำ วิธีการสอน และการสอบของอาจารย์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ขออนุญาตแสดงความเห็น เพื่อร่วมเรียนรู้ดังนี้คะ
เท่าที่อ่าน เข้าใจว่าการสอบนี้ ต้องอาศัยทักษะ problem solving skill (logical thinking)
คือ จับประเด็นปัญหา -> ประมาณการณ์ ทางออก -> คิดหาทางแก้หลายๆ ทาง -> ประเมินชั่งน้ำหนักแต่ละทาง ->เลือกทาง และวิธีบริหารจัดการ ที่เหมาะสมกับทรัพยากร วัฒนธรรม อันนำไปสู่ความยั่งยืน
Problem solving คือ IQ ที่เราวัดกัน
คนที่รู้ตัวว่า IQ ดี บางที เชื่อว่าตัวเองไม่ต้องเรียนในห้อง ถึงเวลาสอบก็ใช้ความได้เปรียบทาง logical skill ได้
คนที่เข้าเรียนประจำ อาจเป็นกลุ่ม EQ ดี มีวินัย ยอมรับคนอื่น
หรือไม่ถนัด Problem solving เท่ากับ
- Creative thinking ( ฉายประกาย ตอน brain stroming)
- Critcal thinking ( กลุ่มนี้น่าจะทำข้อสอบได้ค่อนข้างดี แต่ตกม้าตายตอนบริหารจัดการทรัพยากร )
- Conceptual thinking ( ฉายแวว ตอน เขียนอัตนัยอธิบายหลักการ ทฤษฎี)
ขอบคุณคะ ที่สละเวลาอ่าน
I had my time teaching and mentoring undergrads on IT.
In my first year, I tried to deliver (knowledge, tricks and experiences).
That did not go well in my view - though the results were much 'normal' (distribution).
Then I tried to deliver only experiences (through stories, practices, hands-on tests and class forums).
That did strange things - the results were divided clearly into very good and very poor with a few on 'average'.
I would now try to focus on 'learning to learn' because I think learning skill is 'foundational' to critical thinking, problem solving, etc. And I think everyone is born with a natural drive to learn (by observing, measuring/reckoning, testing, summarizing, memorizing, adjusting/adapting and adopting). Children learn this way. Undergrads had been 'conditioned' to learn differently. I would love to see young children continue to use this natural approach to the best they can throughout their lives.
Sadly, today we see learning as a means to get a piece of paper.
When we should really see learning as a continuing process.
Learning (to learn) can be used to achieve successes.
Learning (to learn) can be improved as we go on (learning).
เป็นประเด็นที่ดีมากเลยครับ ขอนำไปปรับขยายผลการประเมินนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ดีใจที่ได้ยินอาจารย์ประเมินผลการเรียนการสอนได้น่าสนใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมเห็นด้วย และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า คนส่วนใหญ่ มีความรู้ แต่อาจจะขาดทักษะความสามารถในการตอบหรือเขียนเพื่อให้ได้คะแนน ผมเองก็เคยถูกอาจารย์ที่ปรึกษาแซวอยู่บ่อย ๆ ว่า High potential but low performance.