คำสุดท้าย
หลิกรอกระ
...สุดท้ายแล้ว เจ้ามีอะไรจะพูด...
มิตรสหายผู้อ่านทั้งหลาย หากรู้ว่าเมื่อนาทีสุดท้ายของชีวิตกำลังจะมาถึง และมีผู้ถามคำถามนี้กับท่าน ท่านจะตอบว่าอย่างไร
ครูจากโรงเรียนหมู่บ้านตอเซ่เดอ รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่าคนหนึ่งเคยผ่านประสบการณ์นี้ เขาอยู่ในพื้นที่สงคราม ซึ่งกองทัพพม่ามักจะมาจับชาวบ้านไปเป็นลูกหาบแบกของให้เสมอ
คราวนั้น ครูตอเซ่เดอถูกจับตัวไปพร้อม ๆ กับชาวบ้านอีกกว่า 30 คน ทุกคนถูกบังคับให้แบกลูกกระสุนปืนใหญ่ ข้าวสาร และนมกล่องไปอย่างไม่รู้จุดหมาย ข้าวของบนหลังหนักอึ้งจนครูยกเท้าแทบไม่พ้นดิน เขาเดินขึ้นเขาลงห้วยเป็นระยะทางไกล ไม่มีการหยุดพักเหนื่อยหรือแม้แต่จะทำธุระส่วนตัว เมื่อเท้าของเขาค่อย ๆ ก้าวช้าลงเรื่อย ๆ ทหารที่เดินตามหลังก็จะฟาดเอาด้วยพานท้ายปืน
จู่ ๆ ทหารก็ให้หยุดพัก ลูกหาบทุกคนถูกต้อนมารวมกันไว้โดยมีทหารถือปืนเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด ครูตอเซ่เดอหมดเรี่ยวแรงและเจ็บปวดไปทั้งตัวจากการถูกทุบตี แล้วทันใดเขาก็ได้ยินหัวหน้าหน่วยทหารนั้นเดินเข้ามาสั่งลูกน้องเป็นภาษาพม่าให้ “จัดที่หลับที่นอนให้ครูคนนี้ซะ”
มันเป็นคำพูดที่ฟังรื่นหู ทว่าความหมายที่แท้ของมันทำให้ใจของครูตอเซ่ยะเยือก ... เอาละ ภาระหน้าที่ในการแบกของวันนี้คงเสร็จสิ้นแล้ว ภาระในชีวิตคงสิ้นสุดวันนี้เช่นกัน หลุมฝังศพของเราก็คงจะอยู่กลางป่ากลางเขาที่นี่ เราจะไม่ได้พบหน้าลูกเมียอีกต่อไป...
ทหารเข้ามาจับครูตอเซ่เดอมัดมือผูกตาและลากตัวไปยังที่แห่งหนึ่ง ตัวเขาได้แต่อธิษฐานว่า “โอ้ พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของข้าอยู่ในมือพระองค์ ข้าจะรอดก็ต่อเมื่อเป็นพระประสงค์”
และแล้วในความมืดมิด เขาก็ได้ยินเสียงถามเป็นภาษาพม่าว่า “สุดท้ายนี้ แกมีอะไรจะพูดมั่ง”
วินาทีนั้น ท่ามกลางความเงียบและลมหายใจ คำพูดที่หลุดปากออกไปก็คือ
“ชีวิตนี้ของเรา เราเสียดายนัก”
การรอคอยนานเหมือนทั้งชีวิต แล้วเขาก็กลับได้ยินเสียงตอบมาว่า ”ถ้างั้นก็ต้องแบกของต่อไปให้ได้ หยิบของขึ้นมาแบกซะ”
ครูตอเซ่เดอทำตามคำสั่ง แต่เมื่อผ่านพ้นวินาทีที่จะต้องกล่าวคำสุดท้ายในชีวิตมาแล้ว เขาก็รู้ว่า จะเป็นหรือตายเขาจะต้องพยายามเป็นอิสระให้ได้ เมื่อทหารพม่าได้รับข่าวว่ามีกองกำลังกะเหรี่ยงรอซุ่มยิงอยู่ ทุกคนจึงถูกสั่งให้เดินย้อนถอยกลับมาและหยุดพักรอ ลูกหาบทั้งหมดถูกต้อนมารวมกันโดยมีทหารสามคนคอยเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ทหารเหล่านี้มีทีท่าหวั่น ๆ ว่าลูกหาบจะฮึดสู้เมื่อรู้ว่ามีกองกำลังกะเหรี่ยงอยู่ใกล้ ๆ
วินาทีนั้น ครูตอเซ่เดอกลั้นใจ และหันมองไปทางหน้าผา เขาพรวดวิ่งลงผาลาดนั้นไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาวิ่ง วิ่ง วิ่ง เขาวิ่งไปยังทิศที่ได้ยินว่ากองกำลังกะเหรี่ยงดักซุ่มอยู่ ไม่มองย้อนกลับมายังเสียงปืนที่ดังตามมาไม่ขาดสาย ปากร้องตะโกนเสียงดัง โดยไม่รู้ว่ามันจะเป็นคำสุดท้ายของเขาหรือไม่
“ข้าเป็นชาวบ้าน ข้าเป็นชาวบ้าน”
แล้วครูตอเซ่เดอก็หนีรอดมาได้ นาทีสุดท้ายของชีวิตยังมาไม่ถึง หลังจากนั้นเมียของเขาเคยทักถามถึงการอยู่อย่างเสี่ยงภัยอันตรายแลกกับค่าตอบแทนน้อยนิดไม่มากมายไปกว่าการเลี้ยงไก่เลี้ยงหมู แต่เมื่อเขายืนยันว่าการอยู่อย่างชาวบ้านและให้ความรู้กับเด็ก ๆ ชาวบ้านคือความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิต ทั้งคู่ก็ตกลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่อันตรายที่สุดนั้นต่อไปจนถึงวันนี้
-----------------------
ไม่มีความเห็น