เรียนวิชาบัญชี มีประโยชน์ ...
วิชาชีพบัญชีนี้ จึงเป็นความรู้ที่ผู้เกี่ยวข้องและ สาธารณชนควรได้เข้าใจและเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงกับปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์นี้ ที่รูปแบบลักษณะการดำเนินงานกับการบริหารงานได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก
เรื่องราวของ “คุณค่า ลักษณะและปัญหาของวิชาชีพการบัญชี” ที่ได้เกิดขึ้นในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงมาก ภายใต้สภาพโลกาภิวัตน์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนไวนี้มีอะไรบ้าง ในวันนี้จะได้ให้ความเข้าใจแบบกว้างทั่วไป คือ
ก) บัญชีเป็นหน้าที่งานที่ทุกองค์กรทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่องค์กรที่ไม่มุ่งทำกำไรต่างต้องมีการจัดทำ โดยจะขาดมิได้ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการบันทึกข้อมูลอย่างมีระบบ เป็นระเบียบกับมีไว้ใช้การบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ ลดการผิดพลาดสิ้นเปลืองต่าง ๆ กับแก้ไขและตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ด้วยความจำเป็นของงานนี้เอง ทำให้คนเรียนบัญชีมีโอกาสหางานทำได้ตลอด พูดง่าย ๆ คือ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร วิชา การบัญชี ที่แม้อาจจะทำในรูปแบบต่าง ๆ กันไปจากเดิม ก็ยังมีความจำเป็นตลอด การเรียนบัญชีจึงเท่ากับช่วยให้คนเรียนปลอดภัย แน่ใจว่าจะหางานทำได้เมื่อเรียนจบ
ข) วิชาชีพบัญชี ถือเป็นวิชาชีพอิสระ เป็นอาชีพงานที่มีการควบคุม ดังนั้นหากใครไม่ต้องการกินเงินเดือนเป็นลูกจ้างองค์กร ก็สามารถออกมาทำงานเป็นงาน “ผู้ตรวจสอบบัญชี” อันเป็นอาชีพอิสระได้ ความเป็นอิสระนี้เอง ทำให้คนจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับปัญหา การทำงานกับองค์กรสมัยใหม่ ที่มีการแข่งขันเคร่งเครียด หรือมีปัญหาสังคม ต้องเดินทางไกล เจอกับความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจบ่อยครั้ง เริ่มสนใจเปลี่ยนสายงานอาชีพ โดยอยากหันมาเรียนวิชาการบัญชี เพื่อเปลี่ยนสายงาน หรือ ลาออกมางานด้านการบัญชีและตรวจสอบ โดยมาทำอาชีพอิสระได้
ค) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีโดยตรง คือ ข่าวรายงานผลการวิจัยของทีดีอาร์ไอ ชี้ “...ธุรกิจไทย คอร์รัปชั่น “รุนแรง” บริษัทตลาดหุ้นแชมป์ทุจริต ซึ่งหากเป็นจริงก็เท่ากับสะท้อนถึงความอ่อนแอและบกพร่องของทั้ง ก.ล.ต. และตลาด
หลักทรัพย์ฯ ที่มีอำนาจกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงาน ต่าง ๆ ที่ต้องเก่งวิชาชีพการบัญชีที่จะใช้ปราม ติดตามและตรวจกับจับผิดพฤติกรรมกิจการไร้ธรรมาภิบาลให้ต้องดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า หน่วยงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องเก่งในเรื่องการบัญชี ที่ต้องกำกับให้บริษัทจดทะเบียน ที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ที่กระทบต่อผู้ลงทุนให้ต้องทำและรายงานให้สาธารณชนได้อย่างโปร่งใส ไม่ปิดบังหรือให้ข้อมูลเท็จ
อย่างไรก็ตาม การจะป้องกันการทุจริตได้ หรือลดความไม่โปร่งใส สามารถมีความรู้ตามติดการดำเนินงานที่ฉ้อฉลและไม่สุจริตได้นั้น วิธีที่ดีและสำคัญที่สุดคือ การควบคุมโดยบุคคลภายนอก ที่หากได้มีความรู้ทางการบัญชีแล้ว ก็จะสามารถใช้ติดตามการทำผิดและทุจริตของกิจการที่ไม่โปร่งใส และไม่มีธรรมาภิบาลได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว หากสังคมมีคนรู้บัญชีมากขึ้น หรือวิชาชีพบัญชีมีการขยายผลในการศึกษาทั้งทางตรงและทางอ้อมแล้ว กลไกการติดตาม ตรวจสอบการทำผิดตลอดไปจนถึงการสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริหารงานต่าง ๆ ก็จะมีได้ ทำให้สังคมเศรษฐกิจโตไว และแข่งขันกับคู่แข่งได้
วิชาชีพการบัญชี จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกองค์กร โดยเฉพาะองค์กรธุรกิจ ที่ต้องมีการแข่งขัน และถือทรัพยากรสำคัญ ในฐานะที่เป็น “ข้อมูล” ที่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานต่าง ๆ ต่างต้อง ใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ได้
มองในแง่ลักษณะของวิชา คนส่วนมากจะมองว่า วิชาบัญชี เป็นวิชาบรรยายความที่หนักไปทางศิลปะหรือการต้องมีการจดจำ จดจ่ออยู่กับข้อมูลรายละเอียดที่จุกจิกมากนั้น แท้จริงแล้ว การบัญชี กลับเป็นลักษณะวิชาที่มีหลักเกณฑ์ ที่ต้องเรียนเข้าใจไม่ต่างกับวิชาคณิตศาสตร์ และทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ทั้งหลาย โดยมีการจัดระเบียบข้อมูล ที่เหมาะกับความจำเป็นใช้ในการตัดสินใจต่าง ๆ ของนักบริหาร
ด้วยเหตุนี้เอง วิชาบัญชีจึงมี 2 ด้าน คือ “การบัญชีการเงิน” ที่ต้องเรียนความรู้และเทคนิคทางบัญชีเพื่อเดินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ของกิจการ กับการพัฒนาเป็น “การบัญชีบริหาร” ที่ซึ่งมีการจัดระบบและประมวลข้อมูลบัญชีให้สะดวกแก่การช่วยนักบริหารในการบริหารงานต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ให้ทันกับการขยายตัวขององค์กร และเปลี่ยนแปลงกับเติบใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการทำงานกันเป็นเครือข่ายภายใต้การสื่อสารแบบใหม่ในยุคสารสนเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.pantown.com/board.php?id=4869&area=&name=board13&topic=1119&action=view
ความเห็น (5)
ขอบคุณคร๊ ^^
สำหรับความรู้ดีๆ
ดีมาก ๆ เลย
อยากเป็น "ผู้ตรวจสอบบัญชี" บ้างจัง ^^