ชีววิทยาพัฒนาการ (Developmental Biology) หรือในสมัยที่ผมเรียนเรียกชื่อว่าวิชาเอ็มบริโอ (Embryology) เป็นวิชาที่ผมชอบ ประกอบกับอาจารย์ผู้สอน คือ อ. หมอถนอมฤดี ภูมิภักดิ์ เป็นอาจารย์ที่สอนช้าๆ คอยย้ำประเด็นสำคัญ สอนอย่างใจดี เห็นอกเห็นใจนักเรียน เรารู้สึกได้ถึงความเมตตาและอบอุ่นของท่าน อ. หมอถนอมฤดีนี้ภายหลังผมทราบข่าวว่าตอนเป็น นศพ. ท่านเรียนไม่เก่ง แต่ตอนเป็นอาจารย์สอนดีหาตัวจับยาก เป็นตัวอย่างว่าการเรียนเก่งไม่สำคัญเสมอไปสำหรับการเป็นอาจารย์ที่ดี ความรักและเห็นอกเห็นใจนักเรียนสำคัญกว่า
สาระในวิชานี้ คือการปฏิสนธิ ตั้งแต่การผสมกันของไข่กับเชื้ออสุจิ เกิดเป็นไซโกต (zygote) แล้วแบ่งตัวเป็น ๒ - ๔ - ๘ เซลล์ เรื่อยไป แต่ไม่ใช่แบ่งแล้วเหมือนเดิม พอแบ่งเซลล์กันไปมากๆ เซลล์ก็จะแตกต่างกันออกไป มีการเคลื่อนที่ของเซลล์บางกลุ่มจากต่างที่ไปรวมตัวกัน กลายเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะ แต่ละอวัยวะต้องมีเซลล์และเนื้อเยื่อหลากหลายชนิด
ที่ผมประทับใจไม่รู้ลืมคือคนเราเคยเป็นปลา เป็นกบ เป็นลิง มาก่อนเกิดออกมาเป็นคน คือตอนเป็นตัวอ่อนอยู่ในท้องแม่นั้น ตอนอ่อนมากๆ เรามีเหงือกครับ มีเหงือกเหมือนปลา และต่อมาเรามีหางด้วยครับ
พอโตขึ้น เหงือกก็หายไป มีปอดมาแทน เท่ากับว่ามีกลไกทำลายอวัยวะที่เป็นเหงือก และมีกลไกสร้างอวัยวะใหม่ที่เป็นปอด ชีวิตของเราจึงมีการเกิด - ดับ หรือ สร้าง - ทำลาย เป็นวัฏจักรอยู่ตลอดชีวิต คือเกิดขึ้นตั้งแต่เราอยู่ในท้องแม่ จนโต แก่ และตาย
เมื่อปี ๒๕๒๑ ผมไปอินเดียเป็นครั้งแรก ได้อ่านเรื่องศาสนาฮินดู-พราหมณ์ ได้เรียนรู้เรื่องเทพเจ้านานาองค์ ทั้งพระเจ้าผู้สร้าง ผู้กำจัดขยะสังคม และผู้ทำลาย คิดไปคิดมา พระเจ้าทั้งหลายก็คือธรรมชาติ และแม้ภายในตัวเราเองท่านก็ทำงานกันอยู่อย่างขมักเขม้น
พอทำความเข้าใจแบบนี้ จึงมองเห็นความเชื่อมโยงของสรรพวิชาความรู้ทั้งหลาย ทั้งชีววิทยาหรือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ศาสนา ความเชื่อ ปรัชญา สังคมศาสตร์ ฯลฯ
มองเห็นจักรวาลภายนอกที่เป็นเอกภพ (universe) จักรวาลภายในตัวเราเอง จักรวาลภายในแต่ละเซล จักรวาลภายในแต่ละอณู ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า micro-cosmos เห็นเป็นชั้นๆ ของจักรวาล ที่เชื่อมโยงถึงกันหมด
ในบันทึกนี้ผมโยงการเรียนรู้ของผมตั้งแต่ปี ๒๕๐๕ จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มที่การเรียนวิชา เอ็มบริโอโลยี่ แล้วก็เชื่อมโยงแตกแขนงไปเรื่อย ที่จริงถ้าจะให้ลงรายละเอียดก็จะเล่าได้เป็นวันๆ ทีเดียว
วิจารณ์ พานิช
๑๖ กค. ๔๙