เด็กปีหนึ่ง...เคยเป็นไหม


เมื่อเริ่มเป็นเด็กปีหนึ่ง....กับการเป็นเด็กหอใน

ย้อนไปเมื่อ....สามปีที่แล้ว

     เมื่อพูดถึงเด็กปีหนึ่ง ใครหลายๆคนในที่นี้อาจเคยเป็นเด็กปีหนึ่งมาก่อนเหมือนดิฉัน ชีวิตเด็กปีหนึ่งของแต่ล่ะคนก้อจะเเตกต่างกันไป ดิฉันจำได้ว่าวันที่เข้ามารายงานตัวเข้าหอพัหของมหาวิทยาลัยมีแม่กับน้ามาส่งฉัน เเม่ร้องไห้ตั้งแต่จะออกจากบ้าน(แม่ฮ่องสอน) จนมาถึง มหาวิทยาลัย (พะเยา) คือแม่จะร้องตลอดทางทำให้ดิฉันใจเสียเกิดอารมณ์ไม่อยากมาเรียนที่นี้เเล้วรู้สึกว่ามันไกลบ้าน(เพราะปกติดิฉันกับเเม่จะตัวติดกันตลอดไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่เคยห่างกัน อยู่ๆดิฉันก็ต้องมาเรียนไกลห่างอกแม่ แม่ก็เลยเป็นห่วงดิฉันมากไปหน่อย คิคิ)

 

 

 

 

 

 

 

 

            พอส่งฉันเข้าหอเสร็จเเม่ก็ร่ำลาดิฉัน(ร้องไห้ทั้งคู่เลยทีนี้ 555+) ดิฉันได้มาอยู่หอ(หอใน)ของทางมหาวิทยาลัยจำได้ว่าอยู่หอ 4 ห้อง 310 มีเพื่อนใหม่ร่วมห้องอีก 3 คน คือห้องหนึ่งอยู่ได้ 4 คน ประกอบด้วย (เฟรม มาจากจังหวัด แพร่,แอ๊บ มาจากจังหวัด กำแพงเพชร,ส้ม มาจากจังหวัดกำแพงเพชรเช่นกันและดิฉัน ทราย มาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน) หรือเรียกสั้นๆว่า "รูมเมท"พอเข้าห้องมาก็มาทำความรู้จักกับเพื่อนๆที่มาจากคนล่ะที่คนล่ะทางกัน(ต้องมาร่วมชะตาเดียวกัน)ดิฉันคิดว่าเพื่อนใหม่ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนะเนี่ย แต่เสียอย่างเดียวหอในกฎระเบียบเยอะมากก็เข้าใจนะเพราะคนมันเยอะกฎก็เลยเยอะตาม สี่ทุ่มหอจะปิดล่ะไปไหนไม่ได้ล่ะ กินไรไม่ได้ล่ะนอกจาก "มาม่า" พูดถึงชื่อนี้เด็กหอย่อมเข้าใจดีโดยไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ55+ 

 

ในหอพักของฉันจะมีทั้งหมดสี่ชั้น ดิฉันอยู่ชั้นสามมีเพื่อนเเถวหน้าห้อง ข้างห้องมากมายพอหอพักปิดพวกเราไม่มีไรทำก็จะเดินเข้าห้องนั้น ออกห้องนี้ ไปเม้าท์เรื่องชาวบ้าน เรื่องหนุ่มๆสาวๆ 55+ ซึ่งรูมเมทกับฉันเข้ากันได้ดี ทุกคนต่างเข้าใจกันให้กำลังใจกัน พอเริ่มเรียนพวกเราก้อไปเรียนด้วยกัน ดิฉันคิดว่าตอนปีหนึ่งนี้การเรียนเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้วสำหรับเด็กมหาลัย เรียนเเบบไม่ต้องเครียด

สบายๆ วันว่างก็เยอะ แต่กิจกรรมทางมหาลัยก็เยอะเช่นกัน เช่น ต้องเข้าห้องเชียร์ กิจกรรมกีฬาเวียง เดินขึ้นมอ(เชื่อกันว่าหากใครไม่เดินขึ้นมอจะเรียนไม่จบสี่ปี) ที่ดิฉันไม่ชอบที่สุดคือการเข้าห้องเชียร์ ต้องมานั่งร้องเพลง ทำนู้นนี้ พี่วินัยก้อมาแหกปากด่านู้นนี้ (ดิฉันคิดในใจพูดกันดีดีก็ได้จะด่าทำไม ไม่เข้าใจ เกลียดพี่วินัยที่สุด)

 เมื่อไหร่จะปิดสักทีเนี่ยห้องเชียร์ดิฉันไม่ชอบ พอมาถึงวันปิดห้องเชียร์รุ่นพี่ทำซึ้งมากเอาดิฉันบ่อน้ำตาแตกอีกแล้ว ทำให้ดิฉันได้เข้าใจเลยว่าการที่มีห้องเชียร์ก็เพราะอยากให้รุ่นน้องได้รู้จักกัน สามัครคีกัน รักกัน ให้เรามีระเบียบวินัยเพราะเราเป็นคนหมู่มากย่อมมีบางคนอยู่เเล้วที่จะเเตกแถว

พอเปิดห้องเชียร์เสร็จฉันก็ได้มีเพื่อนมากขึ้น รู้จักเพื่อนมากขึ้นและก็ไปเรียนเเบบสบายๆ เมื่อถึงช่วงสอบปลายภาคพวกเราก็สอบกันอยากสอบเสร็จเร็วๆจะได้กลับบ้านไปหาเเม่ คิคิ รูมเมทของฉันก็ชวนฉันไปเที่ยวที่บ้านเเต่น่าเสียดายที่ดิฉันไม่ได้ไปเพราะดิฉันอยากกลับบ้านมากกว่า(ก็มันจากบ้านมานานคิดถึงบ้าน) ปิดเทอมเเล้วเพื่อนๆของฉันก็เเยกย้ายกันกลับบ้านดิฉันก็กลับบ้าน มีเรื่องมาโม้ให้เเม่ฟังเยอะเเยะมากมาย โม้เรื่องชีวิตของเด็กปีหนึ่งให้เเม่ฟัง พอจะเปิดเทอมขึ้นปีสอง ดิฉันก็ร่ำลาเเม่(คราวนี้แม่ไม่ร้องไห้แฮะหรืออาจไปแอบร้องคนเดี๋ยว 55+) ซื้อของไปฝากรูมเมทเยอะเเยะ เเละมีเรื่องราวตอนปิดเทอมที่จะไปโม้ให้ฟังอีกมากมาย...

(ข้อคิดสักนิด__การเป็นเด็กปีหนึ่งไม่ได้เลวร้ายเสมอไปมันทำให้เราได้รู้ว่าเราควรจะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับคนอื่นให้ได้ เข้ากับสังคมได้ มีกฎระเบียบเพิ่มขั้นมันจะคอยพัฒนาเราให้เราเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า)

บันทึกวันที่ 3 กันยายน 2554 เวลา 13.00 น

 

หมายเลขบันทึก: 458038เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2011 13:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2012 15:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เข้ามาอ่านด้วยความชื่นชม...
กิจกรรมต่างๆ คือกระบวนการบ่มเพาะและขัดเกลาให้เราเติบโต
และเข้าใจสังคม...

...

ชื่นชมครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท