นิภาวรรณ
นางสาว นิภาวรรณ เจริญลักษณ์

ความประทับใจ...ในเบลเยี่ยม


ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปพบกับเดวิด ไม่รู้ว่าชีวิต 7 วันในเบลเยี่ยมจะเป็นอย่างไร เพราะพวกเราสามคนพี่น้องมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น เดวิดจะหน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยจะดีหรือเปล่า

 วันที่ 20 มีนาคม 2547 พวกเราสามคนพี่น้อง...หน่อย กิ๊บ ภัคพร จะออกเดินทางไปสู่ประเทศเบลเยี่ยมเพื่อไปเที่ยวพักผ่อน และไปเยี่ยมเดวิด (เดวิดคือเพื่อนทางจดหมายที่เขียนถึงกันมาประมาณ 9ปีแล้วและไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ตอนแรกพ่อเค้าไม่อยากให้พวกเราไปกันเองเพราะเห็นว่ าพวกเรายังไม่เคยรู้จักและเห็นหน้าเดวิดมาก่อน พ่อกลัวว่าพวกเราจะไม่ปลอดภัย แต่จากการที่เราได้เขียนจดหมายถึงเดวิดมา 9ปี อ่านจากในจดหมายก็รู้เลยว่าเค้าเป็นคนดี และไว้ใจได้ แต่ขอบอกก่อนว่าเดวิดคือเพื่อนๆ จริงๆ เค้ามีแฟนแล้วและกำลังปลูกเรือนหอ) พวกเราออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองประมาณสองทุ่ม โดยมีพ่อ แม่ และน้าสอนมาส่งพวกเรา พอมาถึงสนามบินพวกเราก็ไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์สายการบิน Austrain Airline จากนั้นก็ไปแลกเงินและเสียค่าภาษีสนามบิน 500 บาท พวกเราร่ำลาพ่อ แม่ และน้าสอนเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นเครื่องที่ Gate ที่ 53 ซึ่งที่นั่งรอขึ้นเครื่องที่จะไปยุโรปนั้นใหญ่โต สวยงามมาก เครื่องบินออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 11.30 น. เป็นเวลานานมากในการนั่งเครื่องบิน ฉันรู้สึกปวดเมื่อยมาก เบาะที่นั่งบนเครื่องบินแคบมากไม่สามารถขยับตัวได้มากนัก แถมอาหารที่แจกบนเครื่องบินก็กินไม่ได้เพราะเป็นอาหารที่ทำจากเนื้อวัว นั่งเครื่องบินทั้งนอนหลับทั้งนั่งดูโทรทัศน์เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมง ในที่สุดเครื่องบินก็จะลงจอดที่ประเทศออสเตรีย เครื่องบินลงจอดไม่นิ่มเลยทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียนออกมา กิ๊บไปขอน้ำเปล่าจากแอร์โฮสเตสมาให้แต่พอฉันดื่มเข้าไปได้ 1อึก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้นไปอีก เพราะน้ำเปล่ารสชาติแปลกๆ เหมือนผสมโซดาด้วย พวกเราต้องมาต่อเครื่องเพื่อจะไปประเทศเบลเยี่ยมที่สนามบินประเทศออสเตรีย พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากกับสินค้าต่างๆ ที่ขายที่ร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินออสเตรีย มีชอคโกแลตหน้าตาน่ากินขายเต็มไปหมดเลย พวกเรามานั่งรอต่อเครื่องไปประเทศเบลเยี่ยม เครื่องบินลำที่สองไม่ใหญ่เท่าลำแรกแต่ที่นั่งกว้างกว่าเป็นเครื่องบินแบบ Airbus อาหารบนเครื่องบินลำนี้น่ากินกว่าลำแรกแถมวิวทิวทัศน์ก็สวยงาม มีหิมะ ปกคลุมบนยอดเขา การเดินทางบนเครื่องบินลำนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปพบกับเดวิด ไม่รู้ว่าชีวิต 7 วันในเบลเยี่ยมจะเป็นอย่างไร เพราะพวกเราสามคนพี่น้องมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น เดวิดจะหน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยจะดีหรือเปล่า 

       

ในที่สุดพวกเราก็มาถึงสนามบินประเทศเบลเยี่ยมแล้ว สนามบินที่นี่คล้ายกับสนามบินที่ประเทศเกาหลีบรรยากาศดูปลอดโปร่งสบายๆ พวกเรากำลังเดินในสนามบินได้สักพักจะมาเอากระเป๋าเดินทาง ก็เจอกับผู้ชายฝรั่งตัวใหญ่ 2 คน เค้าบอกว่าเค้าเป็นตำรวจขอดูหนังสือเดินทางของพวกเรา 3 คน และถามว่ามาทำอะไรที่เบลเยี่ยม ฉันรู้สึกกลัวมากในตอนแรกเพราะไม่รู้ว่า 2 คนนี้เป็นตำรวจจริงๆ หรือเปล่าเพราะไม่ได้แต่งเครื่องแบบตำรวจกันเลย พวกเราถามเขาว่ารู้จักเดวิดไหมเดวิดก็เป็นตำรวจเหมือนกัน แต่พวกเขาบอกว่าไม่รู้จัก ตำรวจ 2 คนนี้พาพวกเราไปกักตัวไว้ในห้องๆ หนึ่งที่เป็นห้องทำงานของตำรวจในสนามบิน สภาพของห้องที่พวกเขาพาพวกเราไปนั้นเป็นห้องกระจกเล็กๆ มีเก้าอี้นั่ง 3-4 ตัว เหม็นอับ เหม็นบุหรี่ เหม็นกลิ่นตัว และมีชาวนิโกรนั่งอยู่ประมาณ 2-3 คน พวกเรานั่งได้ไม่นานตำรวจ 1 ใน 2 คนนั้นก็มาขอเบอร์โทรศัพท์เดวิดจากพวกเรา และหายไปได้สักพักคิดว่าคงจะโทรไปถามเดวิดว่ารู้จักพวกเราหรือเปล่า ประมาณ 5 นาที ตำรวจคนนั้นก็เข้ามาเอาหนังสือเดินทางมาคืน ส่งพวกเราไปเอากระเป๋าเดินทาง และไปส่งพวกเราที่ทางออก ระหว่างที่เดินไปถึงที่ประตูทางออกกิ๊บกับภัคพรตะโกนว่าพี่หน่อยนั่นไงเดวิด ฉันก็มองไปตามที่น้องๆ ชี้ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งถือป้ายชื่อ Noi ตัวใหญ่มากยืนยิ้มอยู่ ด้วยความที่ฉันยังตกใจกับตำรวจไม่หาย ก็หันไปมองด้วยหน้าตางงๆ ตำรวจ 2 คนนั้นก็แนะนำเดวิดว่า นี่ไงหน่อยเพื่อนของคุณ เดวิดก็เข้ามาจับมือทักทายพวกเรา พวกเราอึ้งและตะลึงมาก เดวิดเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่ ตัดผมสั้น แต่งตัวดูดี ขนตางอน หน้าตาหล่อมากเหมือนพระเอกหนังฮอลิวูด หน้าตาไม่เหมือนในรูปถ่ายที่เคยส่งมาให้เราเลย พวกเราถามเดวิดว่าเป็นเพื่อนกับตำรวจ 2 คนนี้หรือเปล่า เดวิดบอกว่าตำรวจ 2 คนนี้ไม่ใช่เพื่อน เพียงแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนตำรวจด้วยกัน เดวิดพาพวกเราไปที่จอดรถ ซึ่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อออดี้คันใหญ่ เดวิดบอกว่านี่ป็นรถของพ่อเค้า รถของเขาคันเล็กกว่านี้ และบอกกับพวกเราว่าอย่ากลัวที่จะพูดกับเค้าเพราะเค้าก็พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเหมือนกัน

เดวิดขับรถเข้าสู่ตัวเมือง Brusselพวกเราตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์รอบข้างมากๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยอาคารทรงยุโรป บ้านเมืองดูสะอาดสะอ้าน แต่เดวิดบอกว่าไม่สะอาดอย่างที่คิดหรอกลองเข้าไปดูในตัวเมืองสิ จริงอย่างที่เดวิดพูดพอรถแล่นเข้าสู่ตัวเมือง Brusselพวกเราเห็นขยะปลิวกระจายเกลื่อนกลาด เดวิดขับรถมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งดูเก่า กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม เดวิดบอกให้พวกเราลงไปถามที่โรงแรมก่อนยังไม่ต้องยกกระเป๋าลงไป พอลงจากรถฉันก็ได้สัมผัสกับความหนาวเย็นของอากาศซึ่งหนาวมากๆ ผิดกับอากาศที่ประเทศไทยจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เดวิดพาพวกเราเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ของโรงแรมแห่งนี้ เดวิดและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลย เดวิดบอกว่าคนที่นี่พูดภาษาดัชต์กัน และบางคนก็พูดภาษาฝรั่งเศส บางคนก็พูดภาษาเฟรมมิช สรุปว่าพวกเรามากันผิดโรงแรม โรงแรมที่พวกเราได้รับมาพร้อมแพ็คเกตสายการบินเป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ใหญ่โต น่าอยู่มาก


โปรดติดตามตอนต่อไป
 

หมายเลขบันทึก: 456148เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2011 18:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 02:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

Ico64

เป็นประสบการณ์การเดินทาง ท่องเที่ยว ที่น่าตื่นเต้นมากนะคะ อยากชมภาพเมืองเบลเยี่ยมค่ะ...ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณ ดร.พจนาค่ะ เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวยุโรปครั้งแรกและได้พบกับเพื่อนทางจดหมายและครอบครัวที่แสนจะใจดีครั้งแรกค่ะ ส่วนรูปภาพสมัยก่อนถ่ายภาพเป็นกล้องฟิล์มค่ะทำให้มีไฟล์รูปภาพไม่กี่รูปถ้ามีเวลาจะสแกนรูปขึ้นบล็อกให้อาจารย์ได้ชมค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท