ด้วยบทบาทหน้าที่ครูอาสาฯต้องส่งเสริมการรู้หนังสือโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ไม่รู้หนังสือ ที่อยู่ในวัยแรงงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีผู้รู้หนังสือ และผู้ไม่รู้หนังสือจริงๆก็คือไม่ได้อยู่ในพื้นที่ และมีสภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะเรียน จึงได้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปเป็นผู้ลืมหนังสือ ส่วนใหญ่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่ง กศน.อำเภอมัญจาคีรีเคยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการรู้หนังสือเวียนไปตามหมู่บ้านของทุกตำบลในพื้นที่ ในภาคเรียนที่ 2/2554 ดิฉันจะนำเอาผะหยา หรือ ปรัชญาของคนอีสานมาเป็นบทเรียนเสริม เพื่อเป็นการอนุรักษ์เผยแพร่วัฒนธรรมอีสานสู่ลูกสู่หลานอย่างยั่งยืน ไม่ให้สูญหาย
ผะหยาเป็นคำพูดจาของคนอีสานสมัยก่อนนอกจากมีความไพเราะเสนาะหูแล้วยังแทรกคำสอนที่ดีและเป็นประโยชน์ในการประพฤติปฏิบัติตนตามจารีตประเพณี คนอีสานจะเรียกว่าฮีต 12 คอง 14 ผะหยามีหลายประเภท เช่น ผะหยาย่อย เป็นการถามข่าวคราว ถามถิ่นที่อยุ่ ผะหยาเกี้ยว หนุ่มสาวจะใช้พูดจาเกี้ยวพาราสีกัน ผะหยาภาษิต มีเนื้อหาคำสอนเป็นแนวทางในการประพฤติตน วันนี้ดิฉันมีตัวอย่างผะหยามานำเสนอให้เพื่อนๆ กศน. ได้อ่านกัน
ตัวอย่าง ผะหยาย่อย
เห็นว่าเวียงจันทร์เส่า สาวเอยอย่าฟ้าวว่า
มันสิโป้บาดหล่า แตงซ้างหน่วยปาย
เวียงจันทน์ฮ้าง ซิเป็นโพนขี้หมาจอก
บาดห่าบางกอกฮ้าง ซิเป็นหม่องกระต่ายนอน
ตัวอย่างผะหยาเกี้ยว
(ช) อ้ายอยากมีปีกคือนกก่าง อยากมีหางคือนกกี้ บินพี้วี้มาพี้ฮ่วมแลง สู่มื้อแหล่ว
(ญ) ลมพานต้องตองแกย้านบ่แน่ ลมพานต้องตองแต้
แน่บ่นอ
ไผว่าอีสานแล้ง ให้จูงแขนมันมาเบิ่ง
น้ำแก่งไหลอยู่จ้นๆ มันสิแล้งอยู่ป่อนได๋
ตัวอย่างผะหยาภาษิต
ความฮู้น้อยอย่าอ่านคองเมือง ผัวเพิ่นยังอย่าขันเป็นชู้
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความเห็น