ถึงเวลาเปลี่ยนกระแส แชร์ความคิดใหม่


แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน หรือ “เล่นการเมือง” เพราะประชาชนจะได้เกิดแนวคิดใหม่ๆ บ้าง หลังจากที่ “ถูกจองจำความคิด” มาเป็นเวลาช้านาน

ผมเชื่อมั่นว่า ขณะนี้กระแสการเมืองและกระแสสังคมกำลังเปลี่ยนขั้วอย่างเห็นได้ชัด อะไรที่เคยถูกปกปิดไว้เป็นความลับ ก็จะค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ เพื่อให้ลุ้นระทึก ใจเต้นตึกตักโครมคราม

ประชาชนจะได้เห็นจริงว่า “สองมาตรฐานหรือมาตรฐานเดียว” เล่นพวก เล่นข้าง แบ่งฝ่าย แบ่งสี อีกหรือไม่? ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ทุกวันนี้ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

แม้กระทั่งคณะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงทั้งหลาย ยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ค่อยถูกใจประชาชนเท่าไรนัก แต่นั่นก็เพียงภาพแรกที่เห็น ยังไม่อาจวัดความสามารถแค่เพียงเปลือกนอก แต่ต้องพิจารณาความสามารถในหัว หรือ “มันสมอง” ว่าเป็นมืออาชีพได้หรือไม่?

แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะมีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน หรือ “เล่นการเมือง” เพราะประชาชนจะได้เกิดแนวคิดใหม่ๆ บ้าง หลังจากที่ “ถูกจองจำความคิด” มาเป็นเวลาช้านาน

รัฐบาลใหม่ขอแสดงผลงานให้เห็นเด่นชัด ภายใน 6 เดือน ซึ่งก็ควรให้โอกาสในการบริหาร เหมือนที่เคยได้ให้โอกาสรัฐบาลชุดก่อนหน้าทุกชุดในการบริหาร (จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ เพราะประชาชนเลือกเข้ามาแล้ว ยังไงก็ต้องบริหารต่อไป จนกว่าจะครบวาระ ด้วยเสนอแนวคิดว่า “ไม่ควรมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเพื่อล้มล้างรัฐบาลอีก!”) ควรต้องให้อยู่ครบวาระ แล้วเลือกชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ

ไม่ใช่แสดงความไม่พอใจ โดยการออกมายุยง ปลุกปั่น กระแส แหย่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้ฟูเฟื่องเลื่องลือ แล้วสุดท้าย คือ คนพูด ได้รับผลนั้นทั้งหมด แล้วก่อการ “ปะ-ติ-วัด-รัด-ถะ-ประ-หาน” ซึ่งถือเป็นเรื่องที่บ่อนทำลายความรู้สึก ของคนในชาติอย่างรุนแรง

ความถูกผิดที่เกิดขึ้นจะถูกเปิดเผยอย่างช้าๆ อย่าใจร้อน เล่นบท “กระต่ายตื่นตูม” เสียก่อน เพราะอาจจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะมีอำนาจนั้น เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุจริง!”

การโต้กลับที่รุนแรง ใส่ไฟฝ่ายตรงข้าม หรือขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีต ก็จะยิ่งเปรียบดังหอกแหลมทิ่มแทงตัวเองให้เจ็บช้ำเสียเปล่าๆ เพราะอีกฝ่ายไม่เล่นแรงเหมือนเดิม แต่ใช้ยุทธวิธี “นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว” ซึ่งหัวใจให้สงสารได้อย่างท้วมท้น ผิดการใส่ไฟสมัยก่อนที่ยิ่งแรงประชาชนยิ่งเชื่อ ฝ่ายตรงข้ามก็จะถูกแบนตามต้องการ!!

แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว! ยิ่งโหมสร้างข่าวร้ายด้านลบ ผู้เริ่มเสนอข่าว ย่อมได้รับผลกระทบเสียเอง อย่าให้วาทกรรม “ดีแต่พูด” กลายเป็นวาทกรรมอมตะ ที่ครองใจใครๆ อยู่ จนไม่อยากให้เข้ามากระทำการใดๆ ให้เห็น หรือเป็น นาย-ก”

กระแสการเมืองปัจจุบัน “เน้นการกระทำมากกว่าตอกย้ำด้วยคำพูด” ยิ่งพูดมากท้าโต้คารม กลับยิ่งจมในวังวนที่ตนเองสร้าง  

“ถึงเวลาเปลี่ยนกระแส แชร์ความคิดใหม่ ให้ประชาชนทุกระดับ เกิดความคิดและผลิตนวัตกรรม อย่าครอบงำทางความคิดอีกต่อไปเลย!!! คงต้องรอดูผลงานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทุกภาคส่วนของประเทศ ในเร็ววันนี้ ว่าจะ “ดีแต่พูด” หรือ “พูดไม่เป็นเน้นทำงาน”

หมายเลขบันทึก: 454134เขียนเมื่อ 16 สิงหาคม 2011 10:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มาจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท