ต่อจากตอนที่แล้ว อบรมหลักสูตร "ป.โท ผู้บริหารปฐมภูมิ..ผู้นำการเปลี่ยนแปลง" ตอนที่ 3.1คิดเชิงบวกคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา(คิดเชิงบวกเป็นอย่างไร?) คราวนี้เรามาดูกันว่าบริหารเชิงบวกเป้นอย่างไร
“คำที่ห้ามพูด คือ กลัว, ปัญหา, เสียดาย, ไม่เข้าใจ” เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณบุญเกียรติ ใช้สื่อให้คนในองค์กรคิดถึงวิธีการพูดบวกเพื่อนำมาซึ่งการคิดบวกได้ คนไทยในความเห็นอาจารย์มองว่า เต็มไปด้วยความกลัวเต็มไปหมด ท่านพยายามเน้นการคิดบวกในองค์กรหาจุดดีบ่อยๆ ใช้จนชำนาญ
นักยุทธศาสตร์
“การตั้งเป้าหมายต้องคิดว่าจะชนะ ถึงจะมีกลยุทธ์” นี่เป็นวิธีคิดที่เห็นได้ว่านำองค์กรแบบเชิงบวกตั้งเป้าหมายที่อยากเห็น
“ตั้งคำถามตัวเองว่าจะทำอะไรบ้างกี่อย่าง” เมื่อได้เป้าหมายที่ชัด กลยุทธ์ต้องตรงและหลากหลาย คิดทีละเรื่องทำทีละหลายอย่าง (single aim, multiple strategies)
การทำทีละหลายเรื่องเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวได้ต้องมีเครื่องมือ และเครื่องมือที่สำคัญที่สุดคือ “คน” อาจารย์ถูกถามเรื่องบริหารองค์กรคนเป็นพันๆ ได้ยังไง คำตอบง่ายๆแต่ได้ประเด็นคือ “จริงๆ บริหารหัวหน้าเขาก็พอ” การสร้างคนระดับรองให้มีความรู้ความสามารถมากเท่ากับเราหรือมากกว่าเรา จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งแก่องค์กร พยายามนำจุดเด่นของลูกน้องขึ้นมาเป็นผลงานและ เมื่อเขาพบตัวเอง เขาจะพัฒนาตัวเอง สุดท้ายจะนำมาสู่การพัฒนาองค์กร ตรงกับในหนังสือของท่านที่ว่า
“ทำงานใหญ่ต้องไว้ใจคน” พยายามอย่างไปแย่งสิ่งที่ลูกน้องทำได้อยู่แล้ว เวลาประสบความสำเร็จขอให้เป้นเรื่องของลูกน้องที่จะรับผลแห่งความสำเร็จ แต่เมื่อใดที่มีปัญหา “ยิ้มได้ มีสติ สถานทุกอย่าง under control และผมอยู่ตรงนี้” คำพูดบนเวทีงานมหกรรมสุขภาพภาคเหนือที่แสดงถึงภาวะผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม
มีคำถามเกี่ยวกับการปรับทัศนคติคนในองค์กรทำอย่างไรโดยเฉพาะเมื่อเจอคน “คิดลบครบสูตร”
ท่านตอบชัดว่า แก้ที่หัวหน้าองค์กร ถามตัวเองว่าถ้าเราเป็นเขาในสถานการณ์นั้นเราจะทำได้ดีเท่าเขาหรือไม่ และใช้ธรรมะให้มากโดยเฉพาะพรหมวิหารสี่ มีเมตตาให้มาก เมื่อถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขเขาได้ให้วางใจเป็นอุเบกขา แต่ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป คนก็เหมือนบัวที่มีหลายเหล่าเราต้องเลือกวิธีสอนที่เหมาะกับบุคคล ท่านอธิบายวิธีสื่อสารเวลาที่ลูกน้องทำผิดพลาดโดย
"ไม่ต้องย้ำจุดผิด จงมีวิธีแนะนำที่ถูก (appropriate reflection and proper guidance reflection) ให้โอกาสคน (ลดอัตตา) เปิดใจและให้เกียรติ เลือกวิธีสอนที่เหมาะกับบุคคล”
ความสำคัญของข้อมูลก็แค่จุดเริ่มต้น
หลายองค์กร รอข้อมูลอาจารย์บุญเกียรติกล่าวว่า “ยิ่งคนเรียนสูงยิ่งทำงานได้ช้าลง...การใช้ข้อมูลต้องเลือกว่าจะใช้เมื่อไหร่...อะไรที่ไม่ต้องรู้ข้อมูลแต่รู้จริง เกิดปัญญาก็ทำเลย...การริเริ่มสิ่งใหม่ ต้องตั้งคำถามจากศูนย์ สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนจะมีข้อมูลได้อย่างไร!”
อาจารย์ภูดิท เสริมประเด็นนี้ว่า “Feasibility come from sense making” การที่จะทำอะไรได้สำเร็จหลายครั้งเกิดจากการ “ใช้ความรู้สึกว่าใช่” หรือที่เรียกว่า “Intuition หรือ ยานทัศนะ” สิ่งนี้อาจสอนกันไม่ได้แต่ชี้แนะกันได้ตรงกับที่อาจารย์กระแส ชนะวงศ์กล่าวในปาฐกถาปิดการประชุมมหกรรมสุขภาพภาคเหนือ
อีกทั้งตรงกับอาจารย์อมร กล่าวว่า “จะมีสิ่งนี้ได้ต้องหัดไปนั่งสมาธิกันบ่อย ๆ”
ในหนังสือของท่านพูดถึงข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจว่า “ข้อมูลเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นกระบวนการ”
กระบวนการคิดครบวงจรคือ “ข้อมูล การสังเกต ความรู้สึก การประเมิน การตัดสินใจ การสรุป การสร้างสรรค์ และการปฏิบัติ”
เอกสารอ้างอิง
บุญเกียรติ โชควัฒนา. หลักคิด และปรัชญาการทำงาน Principle of thought and working philosophy. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพ :ฝ่ายโรงพิมพ์ บริษัท เอมี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด; 2554
ไม่มีความเห็น