ที่มาของวรรณคดีเรื่องไตรภูมิพระร่วง
หนังสือไตรภูมิพระร่วงเป็นหนังสือสำคัญสมัยกรุงสุโขทัยที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน เป็นวรรณคดีทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมาก เดิมเรียกว่า "เตภูมิกถา หรือไตรภูมิกถา“มีความหมายว่า เรื่องราวของโลกทั้ง ๓ ได้แก่ โลกที่เรียกว่ากามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ในการพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเปลี่ยนชื่อหนังสือเล่มนี้เป็น "ไตรภูมิพระร่วง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยให้คู่กับหนังสือสุภาษิตพระร่วง
ผู้แต่ง
พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเลอไท และเป็นพระนัดดาของพระเจ้ารามคำแหงมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์พระร่วง ครองกรุงสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๐ - พ.ศ. ๑๙๑๒ ก่อนขึ้นครองราชย์สมบัติทรงดำรงตำแหน่งอุปราช ครองเมืองศรีสัชนาลัย ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๘๓ - พ.ศ.๑๘๙๐ ใน พ.ศ. ๑๘๙๐ เมื่อพระยางั่วนำถม พระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติ ณ กรุงสุโขทัย ได้เสด็จสวรรคตได้เกิดการจลาจลชิงราชสมบัติกรุงสุโขทัยขึ้น พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท) ทรงสามารถยกกองทัพมาปราบปรามศัตรูได้หมดสิ้น และเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์พระร่วง เฉลิมพระนามว่า ศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช
จุดมุ่งหมายในการแต่ง
1. เพื่อเทศนาโปรดพระมารดา เป็นการเจริญธรรมความกตัญญู
2. ใช้สั่งสอนประชาชนให้มีคุณธรรมและช่วยกันดำรงพระพุทธศาสนาไว้ให้ยั่งยืน
ลักษณะการแต่ง
แต่งเป็นร้อยแก้ว ประกอบไปด้วยร้อยแก้วชนิดพรรณนาโวหาร บรรยายโวหาร และเทศนาโวหาร
เนื้อเรื่อง
กล่าวถึงเรื่องในไตรภูมิ คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ซึ่งเป็นดินแดนที่สัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดในภูมิเหล่านี้
๑. กามภูมิ คือโลกของผู้ที่ยังติดอยู่ในกามกิเลสคือ รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ดินแดนและโลกย่อยๆ ๑๑ แห่งได้แก่
๑.สุคติภูมิ หรือดินแดนฝ่ายดีหรือฝ่ายเจริญ ประกอบด้วยโลกย่อย ๗ แห่งได้แก่ มนุสสภูมิหรือโลกมนุษย์ ๑ แห่ง และสวรรค์ภูมิหรือฉกามาพจรภูมิซึ่งหมายถึงสวรรค์ ๖ ชั้น ได้แก่ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตรสวัตตี
๒.อบายภูมิ ๔ (ทุคติภูมิ) หรือดินแดนฝ่ายไม่ดีหรือฝ่ายเสื่อม ประกอบด้วยโลกย่อยๆ ๔ แห่งได้แก่ นรกภูมิ ดิรัจฉานภูมิ เปรตภูมิ และอสุรกายภูมิ
๒. รูปภูมิ เป็นดินแดนของพรหมที่มีรูป มีทั้งสิ้น ๑๖ ชั้น พรหมทั้ง ๑๖ ชั้นนี้เรียกว่า โสฬสพรหม พรหม ๕ ชั้นสูงสุดนั้นคือ พรหมตั้งแต่ชั้นที่ ๑๒ – ๑๖ เป็นพรหมชั้นพิเศษที่เรียกว่า พรหมชั้นปัญจสุทธาวาส เป็นที่เกิดของพระอนาคามี คือผู้ที่จะไม่มาสู่กามภูมิอีก ได้แก่ อวิหาภูมิ อตัปปาภูมิ สุทัสสาภูมิ สุทัสสีภูมิ และอกนิฏฐาภูมิ
๓. อรูปภูมิ เป็นดินแดนของพรหมไม่มีรูป มีแต่จิตหรือวิญญาณ แบ่งออกเป็น ๔ ชั้นคือ อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงภูมิต่าง ๆ ที่มีอยู่ในไตรภูมิว่า ใครที่ทำความดีหรือความชั่วเช่นไร ก็จะได้ไปจุติ ณ ดินแดนนั้น
คุณค่าของวรรณคดีเรื่องไตรภูมิพระร่วง
๑. คุณค่าทางภาษา
เป็นวรรณคดีเล่มแรกที่เรียบเรียงในลักษณะการค้นคว้าจากคัมภีร์ต่าง ๆ ถึง ๓๐ คัมภีร์ จึงมีศัพท์ทางศาสนาและภาษาไทยโบราณอยู่มาก สามารถนำมาศึกษาการใช้ภาษาในสมัยกรุงสุโขทัย ตลอดจนสำนวนโวหารต่าง ๆ ไตรภูมิพระร่วงมีสำนวนหนักไปในทางเทศนาโวหารและพรรณนาโวหาร ผูกประโยคยาว และใช้ถ้อยคำพรรณนาดีเด่น สละสลวยไพเราะ ก่อให้เกิดความรู้สึกด้านอารมณ์สะเทือนใจและให้จินตภาพหรือภาพในใจอย่างเด่นชัด เช่น การพรรณนาความงามชองหญิงในอุตรกุรุทวีป
“...แลมีฝูงผู้หญิงอันอยู่ในแผ่นดินนั้นงามทุกคนรูปทรงเขานั้นบมิต่ำบมิสูงบมิพีบมิผอมบมิขาวบมิดำ สีสมบูรณ์งามดังทองอันสุกเหลืองเรืองเป็นที่พึงใจฝูงชายทุกคนแลฯ นิ้วตีนนิ้วมือเขานั้นกลมงามนะแน่ง เล็บตีนเล็บมือเขานั้นแดงงามดังน้ำครั่งอันท่านแต่งแล้วแลแต้มไว้ แลสองแก้มเขานั้นไสงามเป็นนวลดังแกล้งเอาแป้งผัด หน้าเขานั้นหมดเกลี้ยงปราศจากมลทินหาผ้าหาไผบมิได้ แลเห็นดวงหน้าเขาใสดุจดวงพระจันทร์อันเพ็งบูรณ์นั้น เขานั้นมีตาอันดำดังตาแห่งลูกทรายพึ่งออกได้ ๓ วันที่บูรณ์ขาวก็ขาวงามดังสังข์อันท่านพึ่งฝนใหม่แลมีฝีปากนั้นแดงดังลูกฝักข้าวอันสุกนั้น แลมีลำแข้งลำขานั้นงามดังลำกล้วยทองฝาแฝดนั้นแล แลมีท้องเขานั้นงามราบเพียงลำตัวเขานั้นอ้อนแอ้นเกลี้ยงกลมงาม แลเส้นขนนั้นละเอียดอ่อนนัก ๘ เส้นผมเขาจึงเท่าผมเรานี้เส้นหนึ่ง แลผมเขานั้นดำงามดังปีกแมลงภู่เมื่อประลงมาเถิงริมบ่าเบื้องต่ำ แลมีปลายผมเขานั้นงอนเบื้องบนทุกเส้น แลเมื่อเขานั่งอยู่ก็ดี ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี ดังจักแย้มหัวทุกเมื่อ แลขนคิ้วเขานั้นดำแลงามดังแกล้งก่อ เมื่อเขาเจรจาแลน้ำเสียงเขานั้นแจ่มใส่ปราศจากเสมหเขฬทั้งปวงแล...”
๒. ด้านสังคมและวัฒนธรรม
๒.๑ คำสอนทางศาสนา ไตรภูมิพระร่วงสอนให้คนทำบุญละบาป เช่น การทำบุญรักษาศีล เจริญสมาธิภาวะนา จะได้ขึ้นสวรรค์การทำบาปจะตกนรก แนวความคิดนี้มีอิทธิพลเหนือจิตใจของคนไทยมาช้านาน เป็นเสมือนแนวการสอนศีลธรรมของสังคม ให้คนปฏิบัติชอบซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม
๒.๒ ค่านิยมเชิงสังคม อิทธิพลของหนังสือเล่มนี้ให้ค่านิยมเชิงสังคมต่อคนไทย ให้ตั้งมั่นและยึดมั่นในการเป็นคนใจบุญ มีเมตตากรุณา รักษาศีล บำเพ็ญทาน รู้จักเสียสละ เชื่อมั่นในผลแห่งกรรม
๒.๓ ศิลปกรรม จิตรกรนิยมนำเรื่องราวและความคิดในไตรภูมิพระร่วงไปเขียนภาพสีไว้ในโบสถ์วิหาร โดยจะเขียนภาพนรกไว้ที่ผนังด้านล่างหรือหลังองค์พระประธาน และเขียนภาพสวรรค์ไว้ที่ผนังเบื้องบนรอบโบสถ์วิหาร
๓. ด้านความรู้
๓.๑ ด้านวรรณคดี ทำให้คนรุ่นหลังได้รับความรู้ทางวรรณคดี อันเป็นความคิดของคนโบราณ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของวรรณคดีไทย เช่น พระอินทร์ แท่นบัณพุกัมพล ช้างเอราวัณ เขาพระสุเมรุ ป่าหิมพานต์ ต้นปาริชาติ ต้นนารีผล นรก สวรรค์ เป็นต้น
๓.๒ ด้านภูมิศาสตร์ เป็นความรู้ทางภูมิศาสตร์ของคนโบราณ
โดยเชื่อว่าโลกมีอยู่ ๔ ทวีป ได้แก่ ชมพูทวีป บุรพวิเทหทวีป อุตรกุรุทวีป และอมรโคยานทวีป โดยมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง
สวัสดีค่ะ..ปานทอง
แวะมาอ่าน และ ให้กำลังใจผู้เขียน เป็นความรู้ที่หลายคนอาจจะลืมเลือนไปบ้าง
น่าสนใจดีค่ะ เป็นครู..อย่าลืมที่จะให้ความรู้ ที่ละเล็กทีละน้อย ค่อยเป็นไป
สวัสดีค่ะ...ครูเล็ก
ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจกันนะค่ะ
วรรณคดีเรื่องนี้ทำส่งอาจารย์ค่ะ เลยเอามาเผยแพร่เป็นความรู้ค่ะ