ขอม สยาม เขมร : ทฤษฎีใหม่
................โดย ทวิช จิตรสมบูรณ์
ผมได้เขียนบทความแสดงหลักฐาน ข้อมูล ความเห็น แห่งความเป็นมาของสยาม ขอม เขมรไว้หลากหลาย ได้ทยอยลง ผจก. ออนไลน์ คอลัมน์ คิดถึงเมืองไทย ไปบ้างแล้ว บทความใหม่นี้เป็นการปรับปรุง เพิ่มเติมข้อมูลและสำนวนเสียใหม่
ก่อนท่านผู้อ่านจะโต้ผมกรุณาอ่านให้จบหมดทุกตอนเสียก่อน (ทั้งหมดประมาณ 10 ตอน) เพราะเนื้อความตอนท้ายมันจะมาเสริมตอนต้นแบบวนกลับหลายรอบ พูดง่ายๆ อย่าเพิ่งด่วนสรุปครับ ผมยังไม่มีเวลาทำเอกสารอ้างอิง วันหลังอาจทำครับ ผมอ่านหนังสือฝรั่ง ไทย ประกอบประมาณ 15 เล่ม รวมทั้งใน เน็ต ต้องขอบคุณวิกิปีเดีย ที่มีปีพศ. การครองราชย์ระบุไว้อย่างละเอียด
ประเด็นหลักสามประการที่ผมจะเสนอคือ:-
1) เขมรนั้นไม่ใช่ขอมแต่เป็นทาสขอม ผู้ซึ่งฆ่าขอม/สยาม/เสียม ตายเรียบ แล้วตั้งชื่อเมืองว่า เสียมเรียบ
2) สยามคือขอมตัวจริง
3) พระเจ้าอู่ทองเป็นขอมที่หนีตายมาจากนครวัด แล้วมาสร้างกรุงศรีอยุธยา
อาจฟังดูเหมือนวิกลจริตนะครับที่เสนออะไรบ้าบวมเช่นนี้ แต่ลองอ่านดูด้วยใจเป็นกลางเถิดแล้วท่านจะคล้อยตามในที่สุด เพราะมีหลักฐาน บริบท และเหตุผลประกอบพร้อมมูล
ขอท้าวความสักเล็กน้อยก่อนเข้าสู่เนื้อหาหลัก
สภาพภูมิประวัติศาสตร์ในภาพรวมก่อนนครวัด 3,000-200 ปี คือ ดินแดนที่ผมขอเรียกว่า “เส้นพระธรรม” (The dhamma belt) ได้ต่อแนวกันจากนครปฐม มาลพบุรี ไปเมืองเสมา (อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา) ไปพิมาย โดยมีติ่งที่ศรีมโหสถ (อ.โคกปีบ จ.ปราจีนบุรี) แนวเส้นพระธรรมนี้เจริญผ่านยุคสำริดและยุคเหล็กมาอย่างโชกโชน (2000 ปีก่อนพุทธกาล) ดังหลักฐานหลายร้อยหลุมขุดค้นที่พบโดยนักโบราณคดีทั้งไทยและเทศ
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ดินแดนรอบๆนครวัดยังล้าหลังมาก เช่นมีการขุดค้นพบอารยธรรมยุคเหล็กประปรายเบาบางกว่าเส้นพระธรรมมาก นี่เป็นพื้นฐานที่ชัดเจนว่าความเจริญที่นครวัดนั้นเกิดจากแพร่ของอารยธรรมจากเส้นพระธรรมเข้าไป โดยเฉพาะจาก ลพบุรี และ พิมาย เมื่อประมาณ คศ. 900 หรือประมาณ 1100 ปีมาแล้วนี่เอง
ในช่วงก่อนนครวัดดินแดนเส้นพระธรรมนี้นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก โดยมีฮินดูปนบ้างเล็กน้อย ในช่วงหลังกลายมาเป็นอารยธรรมที่เราเรียกกันว่า “ทวาราวดี”
กษัตริย์องค์แรกแห่งนครวัดคือ พระชัยวรมันที่ ๒ นั้นไม่มีจารึกร่วมสมัยว่าเป็นใครมาจากไหน พบแต่มีจารึกที่ปราสาทหินสด๊กก๊กธม (อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว) เมื่อ 200 ปีให้หลังว่ามาจาก “ชวา” โดยชวานี้คืออะไรก็น่าสงสัยอยู่ อาจไม่ใช่เกาะชวาก็เป็นได้ เพราะดินแดนลาวนั้นก็เคยถูกอ้างถึงว่าชวามาแล้ว นักประวัติศาสตร์อิสระท่านหนึ่งบอกว่า ชวา ในที่นี้หมายถึง ไชยา ซึ่งกษัตริย์จากไชยา ก็ไปสร้างบรมพุทโธที่เกาะชวาด้วย แล้วหนีบเอา ชย. ๒ ไปเที่ยวด้วย
สำหรับผมเห็นความเป็นไปได้ว่ามาจาก ลวา หรือ ลวะ หรือ ลพะ หรือ ลพบุรีนี่เอง เสียมากกว่า เพราะมันมีความเป็นไปได้มากกว่ากันถ้ามองในเชิงภูมิประวัติศาสตร์ มันเป็นไปได้ยากมาก ที่ชวา จะมาสร้างอาณานิคมในแถบนี้เพราะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลปานนั้น การแล่นเรือข้ามทะเลจีนใต้มันไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ คลื่นลมแรงมากเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวเรือ
ชัยวรมันที่ 2 อาจเป็นลูกเจ้าท้าวเธอ คิดกบฏ หรือผิดใจกันอะไรสักอย่าง (เช่นเขาเป็นพุทธแต่ท่านนี้อยากเป็นฮินดู) เลยถูกเณรเทศออกมาจาก ลวา ให้มาตั้งเมืองใหม่ที่นี่ โดยให้เป็นเมืองขึ้นของลว จารึกที่สด๊กก๊กธมเล่าต่อว่า ชย. 2 ได้ไปเชิญพราหมณ์มาจาก จานาปาดา (janapada) เพื่อมาทำพิธีปัดรังควานให้นครวัดพ้นจากอำนาจของ ลว
จานาปาดานี้ผมว่าน่าจะคือ “ชนบท” (อ่านแบบแขกก็ได้ว่า “ชานาบาทา”) ซึ่งขณะนี้คืออำเภอชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเมืองโบราณเก่าแก่บนเส้นพระธรรมอีกเมืองหนึ่ง นี่แสดงว่า ชย. 2 รู้เรื่องดินแดนในเส้นพระธรรมดีมาก ขนาดรู้ว่ามีฤาษีอยู่ที่ชนบท แสดงว่า ชย. เองคงมาจากดินแดนเส้นพระธรรมนี่แหละ
แม้แต่ฝรั่งด้วยกันเองก็ยังไม่ลงกันดีว่ามาจากไหน เช่น ชาร์ล ไฮแอม นักโบราณคดีผู้โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง (ท่านเคยเลี้ยงข้าวผมมื้อหนึ่งด้วย) เห็นว่ามาจาก ชมา (หรือ ชามา หรือชาม หรือ จาม) นั่นเอง คงเพราะท่านเห็นว่าคนเขมรวันนี้มีลักษณะคล้ายพวกแขกจามนั่นเอง
ประมาณ คศ 1000 (ขออภัยที่ผมใช้คศ. แทนพศ. เพราะหลักฐานด้านกาลเวลาส่วนใหญ่อ่านมาจากภาษาอังกฤษ) เหตุการณ์เริ่มเข้มข้น เมื่อพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ขึ้นครองราชย์ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งแห่งนครวัดนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามาจากที่ไหน จู่ๆก็เข้ามาเป็นกษัตริย์ แถมยังเป็นชาวพุทธเสียอีก ทั้งที่เขาเป็นฮินดูกันมาก่อนหน้านี้
เชื่อได้ว่าพระองค์น่าจะมาจากพิมายหรือลพบุรีโดยพิมายเอากำลังทหารมาตั้งให้เป็นกษัตริย์และเป็นพุทธไปเสียเลย (แต่ปชช.ส่วนใหญ่ยังเป็นพราหมณ์อยู่) ไม่เช่นนั้นจู่ๆ จะเอากำลัง “ทหารพุทธ” ที่ไหนมา “ยึดอำนาจ” แล้วสถาปนาตนเป็นกษัตริย์พุทธ ยิ่งสมัยก่อนศาสนาคือทุกสิ่งทุกอย่างของสังคมก็ว่าได้
สย. ๑ นี้เชื่อกันว่าเป็นผู้เริ่มสร้างปราสาทพระวิหาร ที่ทำให้เขมรกับไทยบาดหมางกันมาถึงวันนี้ และย้งเป็นผู้เริ่มก่อสร้างปราสาทหินพิมายด้วย (เป็นปราสาทพุทธ) ทำให้น่าเชื่อว่าทรงมาจากพิมาย แล้วจึงกลับไปสร้างปราสาทให้พิมาย (แทนที่จะสร้างที่นครวัด)
80 ปีต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ก็มาครองนครวัดจาก พิมาย (โคราชเรานี่แหละ) มาตั้งราชวงศ์มเหนทรปุระที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้นครวัดต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยกษัตริย์สุริยวรมัน ๒ และ ชัยวรมัน ๗ ชื่อราชวงศ์ (มเหนทร) นี้ไปตรงกับชื่ออย่างเป็นทางการของพระเจ้าจิตรเสนที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตอยู่แถบอีสานของไทยเรา “พระเจ้ามเหนทรวรมัน”
ชย.๖ มีบิดาชื่อ กัมพู สวายามภูวา มารดาชื่อ เมรา ชื่อ สวายาม นี้น่าพิศวงมาก เพราะมันช่างพ้องกับคำว่า สยาม เสียเหลือเกิน ผมเห็นว่าชื่อนี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า “สยาม” (ส่วนชื่อต้น กัมพู นั้น เขมรได้เคลมเอาไปแล้ว)
นักวิชาการฝรั่งสันนิษฐานว่า ชว 6 มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งผมว่าการยึดอำนาจนี้ต้องเป็นพิมายนั่นแหละที่ส่งทหารเข้ามาช่วยยึดอำนาจ ชย. 6 นี้ถือว่าเป็นผู้สร้างปราสาทหินพิมายหรือมาสร้างต่อจาก สว. ๑ (เสร็จก่อนสร้างปราสาทนครวัดสัก 50 ปี) ก็แสดงว่าใช่เลย ทรงมาจากพิมายแน่นอน
รวมทั้งสร้างทางด่วนยาว 200 กว่ากม. เชื่อมพิมายกับนครวัดด้วย หลักฐานยังมีให้เห็นจนทุกวันนี้ ซึ่งทั้งสองสิ่งก่อสร้างนี้เป็นหลักฐานมัดแน่นว่า ชย. ๖ มาจากพิมาย และผูกพันกับพิมายมากจนต้องสร้างทั้งปราสาทและถนน ถนนสายนี้คงสร้างเพื่อให้ครอบครัวชาวพิมายอพยพไปอยู่นครวัดได้ง่ายขึ้นเป็นหลัก บรรดาทหารที่มาอยู่ประจำเพื่อค้ำบัลลังภ์และครอบครัวที่อพยพมาอยู่ด้วยก็เลยถูกคนพื้นเมืองที่นครวัดเรียกว่าพวก “สวายาม” นานไปคำนี้ก็เพี้ยนไปเป็น สยาม
มีบางท่านระบุด้วยซ้ำไปว่า ชย. ๖ ทรงประทับที่พิมายเป็นหลัก ไม่ได้อยู่นครวัด
คศ. 1115 พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เริ่มสร้างปราสาทนครวัด) ก็มีจารึกว่าเป็นคนลพบุรี (แต่ยังเป็นเชื้อสายของ ชย. ๖ อยู่) แสดงว่าลพบุรี พิมาย นครวัดนี้เป็นพี่น้องกัน ที่แน่นแฟ้นมาก ดังจะเห็นจากรูปสลักนูนต่ำที่แสดงให้เห็นกองทัพลพบุรี และ กองทัพสยำ คู่กัน แสดงว่าลพบุรีนั้นไม่ใช่สยำ สยำต้องเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพิมาย (สวายำ นั่นเอง) สมัยนี้ขอมทำสงครามกับพวกจามมากที่สุด
คศ. 1177-81 นครวัดถูกจามเข้ายึดครอง
คศ. 1181 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของขอม) ชิงเมืองคืนได้ เชื่อได้แน่นอนว่าพิมายและลพบุรีนี่แหละที่ส่งทหารมาช่วยกู้เมืองคืน เพราะเป็นเชื้อพระวงศ์มเหนทร์ที่มีกำเนิดมาทั้งจากพิมายและนครวัด ชย. ๗ ทรงเปลี่ยนนครวัดมาเป็นพุทธเต็มตัว ก็เพราะอิทธิพลของพิมายและลพบุรีนี่แหละ
ชย. 7 เป็นผู้มาสร้างปราสาทนครวัดให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วยังสร้างนครธมอีกด้วย อีกทั้งมาบำรุงเส้นทางพิมายนครวัดให้สมบูรณ์ มีอโรคยาศาล (สุขศาลาริมทาง) เต็มไปหมด ยิ่งเป็นหลักฐานว่ามาจากพิมายแน่ๆ พวกคนสยำจากพิมายก็อพยพมาอยู่นครวัดมากขึ้นเรื่อยๆ (ดังหลักฐานบันทึกของโจวดากวน)
สรุปได้ว่าการปกครองนครวัดในช่วงรุ่งเรืองสุดขีดนั้นเป็นการสลับอำนาจกันระหว่างอำนาจจากลพบุรี และ พิมาย (ซึ่งก็เป็นพี่น้องกันในอาณาจักรทวาราวดี) โดยลพบุรีมีสายสุริยวรมัน ส่วนพิมายมีสายชัยวรมัน สองสายหลักที่ครองอำนาจนครวัดสลับกันโดยเป็นราชวงศ์มเหนทรปุระด้วยกัน
ต้องไม่ลืมบริบทในอดีตด้วยที่บ้านพี่เมืองน้องสายเลือดเดียวกันนั้นเมื่อเมืองใดไร้กษัตริย์ปกครองขึ้นมา (แย่งกันจนฆ่ากันตายหมด) ปชช.มักจะไปขอหน่อเนื้อจากอีกเมืองหนึ่งให้ส่งกษัตริย์มาสืบสันตติวงศ์ต่อ เช่นลำพูนขอพระนางจามเทวีจากลพบุรีเป็นต้น ดังนั้น สย. ๑-๒ ชย.๖- ๗ ที่ว่ามาจากลพบุรีและพิมายนั้นก็คงมาด้วยเหตุดังกล่าวนั่นเอง อีกทั้งยังมีหลักฐานว่านครวัดเองก็เคยส่งกษัตริย์มาครองลพบุรี ซึ่งนักประวัติศาสตร์ก็ด่วนสรุปว่าเป็นเพราะชนะสงคราม
จากนี้ไปจะเสนอกำเนิดเขมร โดยเริ่มที่คศ. 1336 (14 ปีก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา) ที่ซึ่งกษัตริย์สาย “วรมัน” ที่ครองนครวัดมาประมาณ 500 ปีก็มีอันอันตรธานสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย กษัตริย์องค์ต่อมามีนามว่า ตรอซ็อกเปรแอม (แปลเป็นไทยว่า แตงหวาน) มีบุตรต่อมานามว่า นิพพานบท (หรือ นิวารณบทก็เรียก)
ผมวิเคราะห์ว่า ตรอซอกเปรแอมนี้ยึดอำนาจมาจาก “วรมัน” แต่เนื่องจากตนไม่ใช่หน่อเนื้อเชื้อพันธุ์เดียวกับพวกวรมัน แต่เป็นเชื้อชาติอื่น ก็เลยยกเลิกธรรมเนียมการตั้งชื่อเป็นวรมันไปเสียเลย
บริบทมัดแน่นว่าตระซอกฯนี้เป็นพวกข้าทาสซึ่งในภายหลังมีจำนวนมากกว่าพวกนายทาสที่เป็นพวกวรมันเสียอีก อยู่มาวันหนึ่งพวกนายทาสอ่อนกำลังลง ก็เลยยึดอำนาจ ฆ่าพวกนายทาสตายเรียบ แล้วตั้งชื่อเมืองนี้ใหม่ว่าเมือง “สยำเรียบ” เพราะพวกนายทาสนี้เป็นพวก “สยำ” นั่นเอง ซึ่งคำว่าสยำนี้ตอนหลังเพี้ยนมาเป็นเสยียมแล้วเป็น “เสียมเรียบ” ในที่สุด (สำเนียงเขมร สระอาของเรามักเป็นสระเอียของเขา เช่น นางนาค ก็เป็นเนียงเนียก พระวิหาร ก็เป็นเพรียะวิเหียร์ สยามก็เป็นเสยียม)
การวิเคราะห์ของผมไปตรงกับพงศาวดารเขมร ฉบับ “นักองค์เอง” เข้าอย่างจัง (นักองค์เองนี้มาพึ่งพระบารมี ร ๑ ของเรา จากนั้นส่งไปครองเขมร) ซึ่งพงศาวดารนี้เป็นฉบับแรกของเขมร (ที่ยังไม่มีอิทธิพลฝรั่งเศสเข้ามาเสี้ยมสอน) พงศาวดารนี้บันทึกว่าต้นตระกูลเขมรมาจาก ตรอซอกเปรแอม (พระเจ้าแตงหวาน) และ นิวารณบท นี่เอง
ซึ่งในขณะนั้นนักองค์เองคงภูมิใจมากในตระซอกฯ ที่ปลดแอกเขมรออกจากการเป็นทาสได้ เพราะถ้าเขมรเป็นทายาทของขอมวรมันแห่งนครวัดจริง มีหรือที่นักองค์เองจะพลาดไม่ยอมพาดพิงไปถึง (อย่างน้อยก็ต้องถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นอย่างต่ำ จะหาว่าไม่รู้ก็ไม่ได้เพราะมีสลักจารึกบอกไว้หมด) ...แต่ด้วยความภูมิใจในเลือดเขมรที่ปลดแอกจากความเป็นทาสของพวก “สวายาม” ได้ ก็เลยระบุไปแบบพาซื่อและตามจริงว่าพวกตนเป็นหน่อเนื้อของ ตรอซอกเปรแอม
จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามาก็มายกความเป็นขอมให้เขมรไปเพื่อผลประโยชน์ในการล่าอาณานิคมนั่นแล
.....ทวิช จิตรสมบูรณ์ (โปรดติดตามอ่านต่อตอนที่ ๒)
ขอบคุณครับ เป็นความรู้ใหม่จริงๆๆครับ แถวบ้านผมเองซึ่งยังไม่เคยมีความคิดในเรื่องที่ว่า ชนบท มีบาบาทหรือมีความเกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์เขมร แต่ขอตั้งข้อสังเกตนิดหน่อยครับ เดิมที่บริเวณดังกล่าวในทางนิรุกติศาสตร์(การหาความหมายที่มาของคำ) เดิมที่คำว่า "ชนบท" นั้นเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายปกครองบ้านเมืองครับ เดิมทีอำเภอนี้เรียกเป็นภาษาถิ่นอีสานครับว่า "ชลบถ" แปลว่า "ทางผ่านของแม่น้ำ" ซึ่งมีหลักฐานที่จัดเจนและพิสูจน์ได้จากผู้สูงอายุที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันต่างก็ออกเสียงอำเภอนี้ว่า "ชลบถ" ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นข้อมูลที่พอช่วยในการศึกษาของท่านได้บ้าง
ขอบคุณในองค์ความรู้
ด้วยความเคารพ