ปกหน้า หมอชาวบ้าน ฉบับ ล่าสุด สค ๕๔ ตัวโตบอก ขมิ้นชัน กินทุกวันป้องกันมะเร็ง เขียนโดยนักวิชาการเภสัชกรรม จากสถาบัน(รพ.)ที่ทำขมิ้นชันและสมุนไพรอื่นขายรวย และ รพ.ที่ท่านทำงานมีรายจ่ายสูงกว่ารายรับ เหมือนรพ.อื่นๆส่วนใหญ่
เนื้อหาบอกงานวิจัย จากสัตว์ทดลอง และบอกว่า ขมิ้นชันปลอดภัย สามารถกินได้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันโดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายอีกด้วย
ขมิ้นชันกินทุกวัน ป้องกันมะเร็ง ย้ำในบทความ อย่างน่ากลัวจริงๆ
สำนวนลักษณะนี้ อ่านแล้ว ส่อว่า อยากจะขายขมิ้นชันให้มากกว่าเดิม
หากเป็นวงการแพทย์ เขียน จะบอกว่า ขมิ้นชันอาจจะมีบทบาทช่วยยับยั้งมะเร็งได้บ้างระดับหนึ่ง และ ขมิ้นชันพบว่า มีรายงานอาการข้างเคียงจากการใช้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่ปลอดภัย แต่ทานแล้วบางคนเวียนศีรษะ จุกแน่น กว่าก่อนทานขมิ้นชัน และบางคนบางกลุ่ม ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงไม่เหมาะกับการทานขมิ้นชัน
นอกจากนี้ บทความนี้ มีจุดอ่อน ที่น่าจะถูกตำหนิมากๆ หรือต้องรีบชี้แจงประชาชนว่า คือ ในทางหลักวิชาการแล้ว ยังมีข้อควรระวังการใช้ขมิ้นชัน จำนวนพอสมควร
ไฉน จึงไม่นำมาบอก ขยายให้ผู้อ่าน ได้รับรู้ ละครับ เช่น
ที่ภาคใต้ที่เชื่อกันว่า ทานขมิ้นชันกันมาก กันบ่อย ก็พบว่า เป็นมะเร็งกันมาก
แล้วเราจะรีบด่วนสรุป บอกประชาชนว่า ป้องกันมะเร็ง ได้อย่างไร
มันอาจจะยอมรับได้ว่า สำหรับการบอกประชาชน อาจจะมีส่วนได้บ้างในการป้องกันมะเร็ง แต่ไม่รู้ขนาดที่ได้ผลจริง และกับมะเร็งอะไรบ้าง
การเขียนจั่วหัวว่า ขมิ้นชันกินทุกวันป้องกันมะเร็ง ทางการแพทย์จะระวังมากที่จะไปประกาศเช่นนี้ เพราะอาจจะมีคนไข้หัวหมอ คือไม่เปลี่ยนนิสัยเสียที่เสี่ยงมะเร็ง และอาจจะไม่ปริมาณที่เสพดูด ตัวกระตุ้นมะเร็ง เช่น บุหรี่ สุรา และ กลัวเป็นมะเร็ง อ่านข่าวนี้ จึงรีบไปหาซื้อ ขมิ้นชันทานวันละนิดๆ สุดท้ายก็เป็นมะเร็งตาย เพราะอ่านบทความนี้ อย่างไม่ใคร่ครวญนั้นเอง
ทางการแพทย์บอกว่า พิษร้าย มากกว่ายาดี จะไปรับรองประกาศว่า ป้องกันโรคมะเร็ง เท่ากับทำให้เขา ไม่สนใจป้องกันมะเร็ง อย่างที่ควรทำยา เช่น งดสุรา ยาสูบและพฤติกรรมอื่นที่เสี่ยงมะเร็งทั้งหมด
ทางการแพทย์จะบอกประชาชนว่า ให้เลือกทานผสมในอาหาร อย่างพอประมาณ ตามวัฒนธรรม ท่านอาจจะได้ประโยชน์คุ้มค่า ไม่ส่งเสริมการทานยาสมุนไพรป้องกันมะเร็ง ซึ่งในบทความนี้ มีตำรับอาหารเครื่องดื่มแนะนำไว้ด้วย ก็ต้องขอชื่นชมครับ
การแพทย์เชิงวัฒนธรรม ต้องส่งเสริม สารพัดเมนูอาหาร ที่ถูกต้องด้วย (ไม่ใช่ปลาทอดขมิ้น แต่ต้องเป็น ปลาต้มขมิ้น )
โยเกิร์ตขมิ้นชัน ไม่รู้เป็น นวัตกรรม หรือเป็นวัฒนธรรมไทย ที่ ต้องพิจารณา ว่าจะตามหรือไม่
ส่วนตัวผม โยเกิร์ต เป็นของคนเมืองหนาว แห้งจัด เราเมืองไทย ส่วนใหญ่ชื้น การทานโยเกิร์ตอาจจะมีผลเสียบางด้าน ต้องสังเกตุ และ ระวังปริมาณการดื่มกิน
การเอาแคลเซียมจากนม ควรเลือกใช้นมบางส่วน และใช้ สารช่วยดูดซึมแคลเซียมจากสมุนไพรและธรรมชาติ เช่นแดด (วิตามินดี ) และphyto estrogen ที่ดีดี จากพืช ก็เลือกเอาตาม งานวิจัยที่แต่ละคนเชื่อถือ วางใจผู้วิจัย
และเชื่อว่าผมเหลังจากนี้ไม่นาน จะมีการให้ข่าว จากผู้ผลิตว่า
บัวบก ดีสารพัดกับทุกช่วงวัย
และคงจะลืม หรือ บอกไม่ครบถึงโทษจาก บัวบก ซึ่งก็พบได้เช่นกัน จึงห้ามละโมภ หลง ทานอย่างขาดสติ
ผู้เรียนรู้ร่นหลัง
เหมือนใบย่านางที่คนทำน้ำปั่นบอกว่าแก้สารพัดโรค
เหมือนน้ำลูกยอ
เหมือนและเหมือน อะไรที่หลายๆเหมือน ทีโหมโฆษณา ตำราไทย พูดไว้ชัด "ลางเนื้อชอบลางยา" กินอาหารให้เป็นยา ต้องกินเป็น
ชวนคิดคะอาจารย์
ไม่ได้อ่านด้วยตัวเอง แต่หากพิจารณาพาดหัว ก็สร้างความมั่นใจมากเกินไปจริงๆ
เพราะ ยังเป็นการทดลองในสัตว์
หากจะสรุปกับประชาชน คงต้องมี clinical trial ในมนุษย์..
แต่ทางปฎิบ้ติก็ยากคะ นานกว่าจะรู้ว่าใครเป็นมะเร็ง
เรื่องการใช้คำสื่อสารต่อสาธารณะนี่สำคัญจริงๆ
ขอบคุณที่อาจารย์นำข้อสังเกตมาถก (ขออนุญาตไม่เถียงคะ :-)
ที่จริง วารสารสุขภาพบ้านเรา น่าจะมี letter to editor รับฟังความเห็นจากผู้อ่าน
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และนำไปสู่การพัฒนานะคะ
เรียนคุณหมอครับ ผมมีเรื่องอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ
คือว่าผมเห็นมีการโฆษณาขายสินค้าทางทีวีดาวเทียม และทางอินเตอร์เนต
เกี่ยวกับเอนไซน์ เยอะมาก โดยบอกว่ามีสรรพคุณมากมายรักษาได้ทุกโรค
แม้แต่คนป่วยที่อาการหนักหมอให้กลับบ้าน ยังหายได้
เรื่องประโยชน์ของเอนไซน์ มันดีจริงหรือป่าวครับ ทางวงการแพทย์
มีงานวิจัยหรือป่าว หรือว่าเป็นการหลอกลวง มีหน่วยงานไหนที่รับผิดชอบ
ที่เราจะร้องเรียนให้เข้าไปตรวจสอบได้บ้างครับ ถ้ามันไม่ดีจริงก็น่าสงสารคนไทยนะครับ
ที่ไม่มีหน่วยงานไหนออกมาให้ความรู้ประชาชนเรื่องนี้เลย...คุณหมอพอมีข้อมูลบ้างหรือป่าวครับ