การสอนแต่งคำประพันธ์โดยส่วนใหญ่แล้ว ครูผู้สอนก็จะขึ้นกระดานโดยให้นักเรียนดูแผนผังคำประพันธ์แต่ละประเภท คำไหนสัมผัสกับคำไหน หนึ่งบทมีกี่วรรค หนึ่งวรรคมีกี่คำ มีกี่คำกลอน อะไรต่าง ๆ นานา แต่ดูเหมือนว่าการสอนที่ผ่านมาจะได้ผลน้อยมาก ดิฉันจึงลองปรับเปลี่ยนวิธีสอนใหม่ โดยให้นักเรียนฝึกแต่งกลอนเปล่าก่อน ซึ่งกลอนเปล่านั้น เป็นการแต่งคำประพันธ์ประเภทหนึ่งที่สามารถใช้เป็นพื้นฐานของการแต่งคำประพันธ์ทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่ได้ยึดหลักการแต่งคำประพันธ์มากนัก การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เคยปฏิบัติมาคือ ให้นักเรียนได้ฝึกแต่งโดยเน้นการใช้คำสัมผัสเป็นวรรคเป็นตอน ซึ่งในขั้นแรกครูอาจจะไม่เน้นที่ความถูกต้องตามหลักคำประพันธ์มากนัก แต่ฝึกให้นักเรียนเกิดความรักความศรัทธาในภาษาไทยก่อน โดยให้นักเรียนแต่งกลอนง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความรัก ความรู้สึกที่ออกมาจากจิตใจของเขาเอง ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถกลั่นกรองความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเป็นภาษาเป็นตัวหนังสือได้ จากการฝึกปฏิบัติ ครูผู้สอนจะได้บทกลอนที่หลากหลายจากนักเรียน แต่เมื่อนักเรียนได้นำเสนอผลงานแล้วไม่ควรตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์จนนักเรียนเกิดความท้อถอยหรือผิดหวัง ครูควรให้กำลังใจให้นักเรียนพยายามต่อไป ตัวอย่างบทกลอน เช่น
"เมื่อเธอมองมา
หัวใจฉันไหวหวั่น
แต่อยากให้เธอมองทุกวัน
เพราะว่าฉัน...รักเธอ"
"ที่ว่ารัก..รักนั้น..รักจริงหรือ
ที่ว่ารัก..รักนั้น..รักแค่ไหน
ที่ว่ารัก..รักนั้น..รักอย่างไร
ที่ว่ารัก..รักนั้น..เคยบอกใครแล้วกี่คน"
เมื่อนักเรียนรู้สึกสนุกกับการเขียนกลอนง่าย ๆ ก็จะเกิดความรักในภาษาไทยมากขึ้น ก็จะทำให้เขาได้มีพัฒนาการทางการเขียนมากขึ้นด้วย การสอนให้นักเรียนฝึกแต่งคำประพันธ์ประเภทต่าง ๆ ที่ถูกต้องตามหลักการแต่งคำประพันธ์ก็จะง้่ายขึ้นด้วย
ไม่มีความเห็น