การเมือง = ทุนทางสังคม + นวัตกรรม + จังหวะสุกงอม


“ทุนทางสังคม” ที่เป็นนามธรรมและจับต้องได้ยาก จึงกลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรและประเทศชาติในระยะยาว หากทว่าการพัฒนาทุนทางสังคมก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องบริหารจัดการให้พลังปรองดองกลมกลืนและพลังขัดแย้งแตกต่าง มีสมดุลที่กลมกล่อม เพียงพอที่จะรักษาความเป็นเปล่งปลั่งกระชุ่มกระชวยของอารยธรรมให้ยั่งยืนไปตราบชั่วกัลปาวสาน

โดย เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

(www.siamintellignece.com)

 



ยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นเรื่องระยะยาว
แม้แต่รัฐบุรุษซึ่งปราดเปรื่องที่สุดก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่า
นโยบายสุดเลิศหรูที่กระทำในวันนี้ จะยังส่งผลดีในอีก 50 ปีข้างหน้าหรือไม่
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ยิ่งมีความสลับซับซ้อน
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่มีผลกระทบไปทั่วทุกหย่อมหญ้า


“ประวัติศาสตร์” นับเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง
ในการศึกษาเรียนรู้ถึงผลกระทบของนโยบายที่คนในชาติได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้น
มา โดยเฉพาะเมื่อเป็นห้วงระยะเวลาที่ยาวนานนับ 1000 ปี
ก็ย่อมมองเห็นถึงความคลี่คลายได้กระจ่างชัด
ซึ่งจะเป็นบทเรียนล้ำค่าในการกำหนดนโยบายของรัฐบุรุษต่อไป


1. ทุนทางสังคม (Social Capital)


“อัสซีเรีย” นับเป็นชนชาติโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางด้านการทหาร
โดยมีนวัตกรรมการจัดกำลังกองทัพที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ซึ่งได้ถูกหยิบยืมไปใช้สร้างมหาอาณาจักรของชาวเปอร์เซียและโรมันในเวลาต่อมา
ขณะที่ชื่อเสียงของอัสซีเรียกลับไม่ค่อยเป็นที่จดจำของคนทั่วไปนัก


กองทัพเกรียงไกร จึงไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดของชนชาติ
เพราะที่สุดแล้วสิ่งซึ่งทำให้มนุษย์เอาชนะสัตว์ร้ายได้
ย่อมเป็นภาษาและความร่วมมือของเผ่าพันธุ์
ในการวางแผนกลยุทธ์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อปราบปรามเขี้ยวเล็บของเหล่า
เดรัจฉานทั้งหลาย


ชนชาติโรมันไม่ได้รบเก่งกล้ามาตั้งแต่กำเนิด
ในช่วงต้นได้ผลัดกันแพ้ชนะกับชนชาติเพื่อนบ้าน
หลายครั้งแทบจะต้องสูญสิ้นแผ่นดิน
หากทว่าชาวโรมันก็อดทนยืนหยัดจนกระทั่งวิกฤตการณ์ผ่านพ้น 
สุดท้ายเมื่อชาติเพื่อนบ้านเกิดปัญหาขัดแย้งกันภายใน
ชาวโรมันที่มีความประสานกลมเกลียวในสังคมดีกว่าก็สามารถอาศัยช่วงจังหวะนี้
ในการรบพุ่งเอาชนะเพื่อนบ้านได้อย่างไม่ยากเย็นนัก



สิ่งที่ทำให้อารยธรรมโรมันยิ่งใหญ่จนกระทั่งครอบครองไปครึ่งโลกอย่างยั่งยืน
 
ยิ่งไม่ใช่เรื่องของกำลังรบหรือการบริหารจัดการอาณาจักรเพราะชนชาติเปอร์
เซียก็มีความสามารถเช่นนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ดังนั้น
จุดเด่นของอารยธรรมโรมันก็คือ “ทุนทางสังคม”
ที่ทำให้คนในชาติหลอมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แม้จะมีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กันเป็นระยะ
หากทว่าชนชั้นสูงชาวโรมันก็มีวิสัยทัศน์เพียงพอที่จะแบ่งปันผลประโยชน์กลับ
คืนให้ชนชั้นล่างอย่างชาญฉลาด เพื่อร่วมกันรับมือภัยคุกคามจากภายนอก
ในที่สุดชนชาติโรมันจึงแผ่แสนยานุภาพกลบทับเพื่อนบ้านที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อน
ได้อย่างแยบยล



นครรัฐกรีก เป็นต้นตำรับประชาธิปไตยซึ่งไม่มีอารยธรรมโบราณใดเสมอเหมือน
หากทว่า  ประชาธิปไตยของชาวเอเธนส์ก็จำกัดเพียงดินแดนของตนเท่านั้น
ไม่สามารถเผื่อแผ่ไปถึงคนกรีกในนครรัฐอื่นที่มีเชื้อสายเดียวกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชนต่างชาติที่ชาวกรีกดูถูกว่าเป็น “บาร์บาเรียน”



หลังจากร่วมมือกันจัดการศัตรูต่างชาติอย่างชาวเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่ได้
สำเร็จ เอเธนส์และสปาร์ตาก็กลับเปิดฉากทำสงครามห้ำหั่นกันเองอย่างนองเลือด
จึงเป็นจังหวะโอกาสให้มาซิโดเนียที่เป็นรัฐบ้านนอกได้ฉกฉวยเพื่อทะยานสู่
ความเป็นใหญ่
จนกระทั่งครอบครองไปครึ่งค่อนโลกในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช


ที่น่าเศร้าก็คือ อาณาจักรสุดลูกหูลูกตาที่แย่งชิงมาได้
ก็พลันต้องล่มสลายอย่างง่ายดายภายหลังองค์มหาราชันสวรรคตไม่นานนัก
ส่วนหนึ่งก็เพราะชนชาติกรีกไม่มีทุนทางสังคมที่เข้มแข็งซึมลึกเพียงพอในการ
ร่วมมือกันระหว่างชนชั้นนำเพื่อปกครองคนต่างชาติ
ซึ่งแตกต่างจากชาวโรมันที่เก่งกล้าในการสร้างความสามัคคีทั้งกับพลเมืองใน
ชาติและชาวต่างชาติ


“ทุนทางสังคม” จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน
หากทว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มคนทุกระดับชั้นในอาณาจักรได้มีส่วนร่วม
ปกครองประเทศ โดยไม่แบ่งว่าเป็นเมืองหลวงหรือต่างจังหวัด
สายเลือดบริสุทธิ์หรือลูกเสี้ยวลูกครึ่ง
ถึงแม้ผู้ต่ำต้อยที่สุดในราชอาณาจักรจะได้รับอำนาจไปเพียงเศษเสี้ยวธุลีดิน
ก็ยังคงรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน


นี่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของชาวโรมัน ที่แม้จะเป็นชาติอนุรักษ์นิยม
เคารพในความโบราณเก่าแก่ของขนบธรรมเนียมประเพณี
หากทว่าด้วยจิตใจที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นให้กับทุกชนชั้นในสังคม
ไม่เมียงมองเพื่อนบ้านเป็นเพียงคนป่าเถื่อนที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
จึงทำให้ชาวโรมันสามารถหยิบยืมใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของมนุษย์ในแต่ละ
ท้องที่ เพื่อผลักดันอารยธรรมของตนไปสู่จุดสูงสุด
ที่ยังไม่เคยมีชนชาติใดกระทำอย่างยิ่งใหญ่และยั่งยืนได้ทัดเทียมตราบจน
ปัจจุบัน


2. นวัตกรรม


ชาวโรมันไม่ได้ชาญฉลาดในการคิดค้น “นวัตกรรม”
หากทว่าสามารถหยิบยืมจากเพื่อนบ้านมาผสมผสานกับลักษณะเฉพาะของตนเองได้ลึก
ซึ้งยิ่ง
อารยธรรมโรมันจึงก้าวขึ้นสู่ความเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่และรักษาอำนาจไว้
ได้ยาวนานที่สุดในโลก



เมื่อโรมันได้ครอบครองโลกอารยธรรมโบราณจนสุดขอบเขตจำกัดทางภูมิศาสตร์แล้ว
ทุกชนชาติก็ถูกหล่อหลอมให้กลายเป็น “ชนชั้นผู้ดีเยี่ยงโรมัน
(Romanization)” อย่างเต็มที่
จึงยากจะมีนวัตกรรมและภูมิปัญญาใดให้ชาวโรมันได้หยิบยืมประยุกต์อีกต่อไป
โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ
ซึ่งโรมเคยได้เปรียบดุลการค้าด้วยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมดังเช่น
เครื่องปั้นดินเผา เครื่องแก้ว และภาชนะโลหะ
เข้าไปค้าขายในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และอังกฤษ
ก็เริ่มถูกท้าทายภายในเวลาไม่นานนัก


ในคริสตศตวรรษที่ 2
ดินแดนที่เคยล้าหลังก็ประสบความสำเร็จในการเลียนแบบและผลิตสินค้าเข้าแข่ง
ขันในตลาดได้
จึงส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจของโรมันที่ไม่มีนวัตกรรมทั้งทางเทคโนโลยีหรือการ
บริหารจัดการใดอีกต่อไป ต้องพบเจอกับความเสื่อมทรุด


ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจที่ผลิตซ้ำแต่สิ่งเดิม ย่อมกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความล่มสลายทางอารยธรรมในอีกหลายศตวรรษต่อมา


“ทุนทางสังคม”
ซึ่งเคยเป็นจุดได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของชาวโรมันที่มีเหนืออารยธรรม
เพื่อนบ้าน จึงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเบื่อหน่ายและอ่อนแอ
เมื่อไม่มีนวัตกรรมจากอารยธรรมภายนอกอื่นใดให้หยิบยืมได้อีกต่อไป
การสนับสนุนให้เอกลักษณ์ที่หลากหลายได้ผุดบังเกิดขึ้นในสังคม
จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่พึงกระทำในห้วงเวลาที่อาณาจักรถึงจุดอิ่มตัวและต้องการ
ความกระฉับกระเฉงเปลี่ยนแปลง
เพื่อว่าชาวโรมันที่มีลักษณะซื่อตรงทื่อด้านจะได้หยิบยืมความสามารถจากชน
ชาติอื่นที่นิยมความขัดแย้งแตกต่าง
มาพัฒนาต่อยอดและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ไม่สิ้นสุด


3. จังหวะสุกงอม


“ผลประโยชน์” ที่ได้มาโดยไม่ต้องลงแรง
บางครั้งก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นโทษภัยในระยะยาว
โดยเฉพาะเมื่อผู้โชคดีคนนั้นไม่มีวุฒิภาวะที่เพียบพร้อม
ไม่สามารถสร้างระบบบริหารจัดการเพื่อรองรับและต่อยอดได้


ชาวโรมันไม่ได้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่จะครอบครองโลกตั้งแต่เริ่มแรก
หากทว่าเกิดจากสงครามป้องกันตัวเองหลายครั้งครา
หากทว่าเมื่อโรมันเริ่มได้รับชัยชนะติดต่อกัน
ชาติเพื่อนบ้านที่มีความขัดแย้งภายในก็หันเหเข้ามาพึ่งพาใบบุญ
ในที่สุดจึงถูกโรมันที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยกลืนกินไปในที่สุด


ความยืดหยุ่นและลึกซึ้งในการบริหารจัดการอาณาจักรของชาวโรมัน
ทำให้สามารถหลอมรวมและสร้างความเป็นโรมันให้กับชนชาติอื่นได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ จึงเกิดภาวะสันติสุขและเจริญรุ่งเรืองที่ยาวนานหลายร้อยปี


อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของชนชาติโรมันคือ ความสร้างสรรค์
ในเมื่อไม่มีชนชาติอื่นใดนอกอาณาจักรโรมันให้สามารถหยิบยืมนวัตกรรมมาต่อยอด
เป็นของตัวเองได้ อาณาจักรโรมันจึงเริ่มเข้าสู่ความเสื่อม
ซึ่งเปิดโอกาสให้อนารยชนที่เรียนรู้ความเจริญแบบโรมันเข้าโจมตีและยึดครอง
ได้ในที่สุด


หากในวันนั้น ชาวโรมันไม่รีบร้อนที่จะฮุบกลืนอาณาจักรของผู้อื่น
แต่ปล่อยให้ความหลากหลายของชนชาติได้สร้างปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
เหมือนกับที่เกิดขึ้นในยุโรปสมัย Renaissance ในอีกหลายร้อยปีต่อมา
ก็อาจช่วยยืดอายุเวลาความรุ่งเรืองของอารยธรรมโรมันไปอีกนานแสนนาน
ไม่ต้องถูกกลืนชาติและล้มหายไปจากแผนที่โลกเหมือนดั่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


“จังหวะสุกงอม” จึงเป็นเรื่องสำคัญในการบริหารประเทศ
การเติบโตที่รวดเร็วเกินขีดจำกัดของนวัตกรรมและทุนทางสังคม
ในที่สุดย่อมแฝงไว้ด้วยวิกฤตแห่งความล่มสลาย
โดยเฉพาะเมื่อแกนนำในกลุ่มเกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน
ขณะที่ระบบจัดการขององค์กรยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการแก้ปัญหา
ความยิ่งใหญ่ที่สั่งสมมาได้อย่างรวดเร็ว
ก็พร้อมจะเลือนหายไปอย่างฉับพลันโดยที่ไม่มีผู้ทรงบารมีคนใดจะสามารถฉุดรั้ง
ไว้ได้เลย


บทสรุป


ความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติหรือปัจเจกชน
ย่อมไม่ได้ชี้ขาดที่ความสามารถเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นกำลังทหาร
พลังทางเศรษฐกิจ หรือไหวพริบทางการเมือง
หากทว่ามาจากการสื่อสารร่วมมือกันของผู้คนที่หลากหลายในสังคมหรือองค์กร
ที่สามารถต่อยอดไปสู่นวัตกรรมและความสร้างสรรค์ได้ไม่สิ้นสุด


“ทุนทางสังคม” ที่เป็นนามธรรมและจับต้องได้ยาก
จึงกลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จขององค์กรและประเทศ
ชาติในระยะยาว หากทว่าการพัฒนาทุนทางสังคมก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะต้องบริหารจัดการให้พลังปรองดองกลมกลืนและพลังขัดแย้งแตกต่าง
มีสมดุลที่กลมกล่อม
เพียงพอที่จะรักษาความเป็นเปล่งปลั่งกระชุ่มกระชวยของอารยธรรมให้ยั่งยืนไป
ตราบชั่วกัลปาวสาน



หมายเลขบันทึก: 452551เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2011 15:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน 2012 00:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เรียนท่ายอจ.ที่เคารพ

- มารับความรู้

- ขอบคุณคะ

ชอบอยู่ในใจเกือบทุกบันทึกที่เขียนครับ

ขอบคุณครับ

ทุกบันทึกที่จดจาร ล้วนเขียนออกมาจากใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท