กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วฉันไม่เคยรู้จักคำว่า "ไฮเปอร์" รู้แต่ว่าฉันเป็นเด็กที่ไม่เคยอยู่นิ่ง การไม่อยู่นิ่งของฉันจึงมีที่มาที่น่าสนใจ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างยิ่ง
ในวัยเด็ก..ฉันไม่เคยได้เข้าคอร์สอบรมกิริยามารยาทจาก พ่อ แม่เหมือนเด็กทั่วๆไป คนรอบข้างต่างระอาในความแก่นและดื้อรั้น ของฉัน
พ่อไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน ครอบครัวระส่ำ ระส่าย แม่ยึดอาชีพขายผลไม้ ขายใบตอง มะพร้าว เป็นต้น เหมือนพ่อค้า คนกลางย่อยๆแม่จะยึดตลาดสะพานสูง บางซื่อเป็นบ้านหลังที่สอง พอตอนสายๆ แม่จะกลับบ้านและหลับเป็นตายทีเดียว ตอนบ่ายแก่ๆ แม่จะเอาเรือออกไปรับซื้อของในสวนมาขายเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้กระมังฉันจึง หาสิ่งชดเชยให้มันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจเพื่อกลบเกลื่อนปมชีวิตของตนเองที่ขาดความอบอุ่น
กิจกรรมที่ฉันชอบมาก คือ แกล้งคนแก่ ในสมัยก่อนทุกบ้านจะต้องมีคนแก่ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัว คนแก่คือผู้สูงอายุ จะมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ตั้งแต่ปานกลางจนถึงแก่หง่อม ปู่ชวด ย่าชวด ของฉันจัดอยู่ในจำพวกแก่หง่อม
สมันนั้นท่านผุ้สูงอายุส่วนมากจะนิยมนุ่งโจงกระเบน ปลายหางกระเบนที่เหน็บไว้หลวมๆ จึงเป็นที่หมายตาของฉันและกลุ่มเพื่อนๆ ในวัยเด็ก
ฉันเคยรับจ้างเลี้ยงเด็กในช่วงปิดเทอม แม่เด็กเป็นมุสลิม กำชับหนักแน่นว่าห้ามให้ลูกเขากินหมูเด็ดขาด 1 อาทิตย์ผ่านไป ฉันปฏิบัติการชั่วร้ายกระเตงลูกเขาเอาเข้าเอว ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวหมูเส้นใหญ่เพื่อจะแอบป้อนให้กิน
"ดูซิ..จะตายมั้ย"
ขณะทดลองฉันตื่นเต้นมากๆ แต่มันก็เป็นตราบาปที่ฉันยังจดจำได้ถึงทุกวันนี้
แม่ฉันได้รับเรื่องร้องเรียนของฉันจากชาวบ้านมากมาย เช่น ขโมยผลไม้ตามสวน ลูกแก่ลูกออ่นฉันสอยร่วงหมด เป็นต้น
กาลครั้งหนึ่งผ่านไปเหมือนเข็มนาฬิกาเดินติ๊กๆ ไม่หยุดหย่อน อายุของฉันก็เช่นเดียวกัน ฉันเติบโตเหมือนต้นหมากรากไม้ที่ขาดการบำรุงไปบ้าง แต่ก็ยังโชคดีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดีๆ มีระบบนิเวศน์ที่สมดุล ผู้คนพึ่งพาอาศัยกัน โอบอ้อมอารี ดังนั้นความร้ายกาจของฉัน จึงได้รับการดูแลจากสิ่งเหล่านี้ที่เปรียบเสมือน พ่อแม่ของฉัน
ชีวิตในวัยเด็กไม่ได้หล่อหลอมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ฉันนึกชอบคุณแม่ด้วยซ้ำที่สอนให้รู้จักความลำบาก ความอดทน และรู้จักการแก้ปัญหาด้วยตนเอง
ณ วันนี้ ฉันคิดถึงความซุกซนในวัยเด็ก คิดถึง ปู่ ย่า ตา ยาย เหลือเกิน ถ้ามองย้อนกลับไป ทุกๆ ท่านไม่เคยถือสาเด็กไฮเปอร์อย่างฉันกับเพื่อนๆเลย..
สวัสดีจ๊ะ
ขอบคุณกับความทรงจำ ทำให้คิดถึงบ้านจัง