ในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๘ ดิฉันได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนตะพง วันนั้นได้พบผู้ป่วยหลายราย ดิฉันขอเล่าถึงผู้ป่วย ๒ รายที่ครอบครัวและชุมชนดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี
รายแรกน้องปิ๊ก เป็นหนุ่ม อายุ ๒๓ ปี เป็นเบาหวานมาตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี ขณะนี้ตามองเห็นไม่ชัด เคยไปยิงเลเซอร์มาแล้ว ไตวายต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รอเข้าคิวฟอกเลือดที่โรงพยาบาลไม่ไหว ต้องใช้บริการของคลินิกเอกชนครั้งละ ๒,๐๐๐ บาท สัปดาห์ละ ๒ ครั้ง มารดารับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ชาวชุมชนพูดให้เราฟังว่าน้องปิ๊กช่วยงานชุมชนหลายอย่าง เมื่อวานนี้มีผู้สูงอายุที่หลงลืมหายไปจากบ้าน ก็ไปช่วยตามหา ดิฉันคุยกับน้องปิ๊กว่าน่าเจ็บใจนะที่เป็นเบาหวานตั้งแต่อายุน้อย คุณป้าท่านหนึ่งได้ยินก็พูดขึ้นว่า "อายุเท่าไหร่เป็นเบาหวานก็เจ็บใจเหมือนกัน" ชาวชุมชนช่วยกันเล่าให้ฟังว่าน้องปิ๊กทำตัวเป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง พูดให้กำลังใจและชมเชยตลอดเวลา
คุณลุงชัย อายุน่าจะประมาณ ๖๐ ปี มี CVA ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง มี contracture ของข้อต่อต่างๆ ของแขนซ้าย ถูกตัดขาทั้ง ๒ ข้างใต้เข่า หลังทำ vascular bypass แล้วไม่ดีขึ้น คุณลุงนอนอยู่ใกล้ๆ กับที่ภรรยาขายผัก ภรรยาฉีดอินซูลินให้ทุกวันเวียนฉีดทั้งที่แขน ขา และหน้าท้อง ถามคุณลุงว่าทำไมไม่ฉีดอินซูลินเอง คุณลุงก็หัวเราะ คุณลุงลุกนั่งได้เองอย่างว่องไว ภรรยาบอกว่าใกล้จะได้รถสามล้อที่ขับได้แล้ว ต่อไปจะได้ขับออกไปที่วัดไปคุยกับคนอื่นๆ ในชุมชนได้ คุณลุงหน้าตาแจ่มใส พูดคุยกับเราอย่างดี บอกค่าน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตครั้งสุดท้ายของตนได้
ดิฉันไม่ได้ยินคนในครอบครัวหรือคนในชุมชนพูดถึงผู้ป่วยเบาหวานในแง่ลบเลย
วัลลา ตันตโยทัย