พี่สัมฤทธิ์ ไม่ยาก กับ พี่สมหมาย ใจแสน เพื่อนเกษตรกรในกลุ่มโรงเรียนเกษตรกรมาช่วยกันสาธิตการทำให้เกษตรชัดดู เพื่อนำเรื่องราวเขียนถ่ายทอดให้กับวารสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนำเสนอองค์ความรู้ผ่านบล๊อก ในเวบไซด์ www.gotoknow.org/
นายสัมฤทธิ์ ไม่ยาก เกษตรกรทำนาวัย 57 ปี บ้านเลขที่ 58 หมู่ 11 ต.นางลือ อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ได้ทำนาข้าว 28 ไร่ ได้ศึกษาการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสานตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกรร่วมกับเพื่อนเกษตรกรในกลุ่ม ศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อการผลิตข้าวให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยจากสารพิษ จากสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองชัยนาท สำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท และศูนย์บริหารศัตรูพืชชัยนาท
องค์ความรู้ที่ได้และนำไปใช้
การเตรียมดินด้วยลดการเผาตอซังและฟางข้าว หมักด้วยน้ำหมักชีวภาพ อัตราเมล็ดพันธุ์ไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ไร่ ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ(ตัวห้ำ-ตัวเบียน) ด้วยการใช้สารสมุนไพร ผลที่ได้รับเป็นที่น่าพอใจ เพราะต้นทุนการผลิตในปีที่ผ่านมาประมาณ 3,200 บาท/ไร่ ในขณะที่ผลผลิตประมาณ 850 กิโลกรัม/ไร่ รอดพ้นจากการเข้าทำลายของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลด้วยน้ำสมุนไพรต้มแต่ต้องพ่นซ้ำบ่อยๆ คือ 7-10 วัน/ครั้ง ในขณะที่เพื่อนเกษตรกรบางส่วนใช้สารเคมีจำนวนมากแต่ผลผลิตเสียหายอย่างน่าเสียดาย
การทำน้ำต้มสมุนไพร
เตรียมวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น คือ ใบน้อยหน่าหรือใบน้อยโหน่ง ใบต้นรัก สาบเสือ เถามะระขี้นก อย่างละ 1 กก. และใบสะเดา 5 กก. ส่วนผสมสมุนไพรแต่ละชนิดมีทั้งสารที่เป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูพืช ทำลายตัวอ่อน ตัวแก่ และไข่ อีกทั้งกลิ่นที่แรงไล่แมลงศัตรูพืชไม่ให้เข้าในแปลงนา แต่ไม่เป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช(ตัวห้ำและตัวเบียน) เมื่อได้สมุนไพรดังกล่าวแล้ว นำมาสับให้แหลกละเอียด นำไปใส่ในถังก่อนเทน้ำส้มสายชู5% และเหล้าขาว อย่างละ 1 ขวดเทลงไปคนให้ทั่ว ปิดฝาทิ้งไว้ อย่างน้อย 5 ชั่วโมง เทลงปีบเติมน้ำให้เต็ม นำไปต้มด้วยไฟกลาง จนน้ำเดือดทิ้งไว้รอจนน้ำเหลือครึ่งปีบ ทิ้งให้เย็นนำไปกรอง ควรใช้ให้หมด แต่ถ้าจะเก็บควรเก็บในที่เย็นๆ ไม่ควรเก็บนานเกินไป อัตราส่วนที่ใช้ 50 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7-10 วัน เวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่นคือเวลาเช้าหรือเวลาเย็นแดดไม่ร้อนมากนัก เพื่อป้องกันการสลายตัวของสารสมุนไพร สามารถป้องกันแมลงศัตรูพืชได้เป็นที่น่าพอใจไม่แพ้สารเคมีที่มีราคาแพง ในขณะที่น้ำต้มสมุนไพรมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เหล้าขาว น้ำส้มสายชู และค่าแก๊สสำหรับต้มเท่านั้น ซึ่งสามารถผสมน้ำฉีดพ่นได้หลายพันลิตรนำไปฉีดพ่นในพื้นที่นาหลายไร่ การใช้สารเคมีเพื่อการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชนั้นเกษตรกรต้องมีความมั่นใจ
พี่วิโรจน์ ฉิมดี ผู้นำสูตรน้ำสกัดสมุนไพรไปใช้ในสวนมะนาวลดต้นทุนได้มากเรื่องราวดีๆ นำเสนอผ่านวารสารเทคโนโลยีชาวบ้าน แล้ว
ถ้าจะให้ดีผสมน้ำสับปะรด ที่คั้นมาสดๆ อีก 200 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร จะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันกำจัด
นายวีระศักดิ์ อัตถะไพศาล เกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวเสริมถึงการป้องกันและกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลว่า ได้ดำเนินการตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตร ในการส่งเสริมการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสานด้วยการจัดตั้งศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนที่กระจายอยู่ในพื้นที่ เป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้และฝึกปฏิบัติด้านการจัดการศัตรูพืชของเกษตรกรและชุมชน โดยจัดทำแปลงติดตามสถานการณ์ศัตรูพืช ใช้เป็นสถานที่เรียนรู้และฝึกปฏิบัติ เรื่องระบบนิเวศในแปลงนา โดยมีการเก็บข้อมูลศัตรูพืช ศัตรูธรรมชาติ และสภาพแวดล้อม นำมาจำแนก วิเคราะห์ และตัดสินใจร่วมกันของแกนนำและสมาชิกที่ร่วมกันเรียนรู้ และเลือกวิธีควบคุมศัตรูพืชได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งการผลิตขยายจุลินทรีย์ และศัตรูธรรมชาติได้ด้วยตนเอง โดยมีกลไกท้องถิ่นเป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่ เกษตรกร องค์กรท้องถิ่น และภาครัฐ มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชอยู่หลายส่วน เช่น ส่วนกลาง ได้แก่ ส่วนบริหารศัตรูพืช สำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร ในส่วนภูมิภาค ได้แก่ ศูนย์บริหารศัตรูพืช สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต และสำนักงานเกษตรอำเภอ
(ข้อมูลจาก วารสารเทคโนโลยีชาวบ้าน)
น่าสนใจมากค่ะ
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรยนรู้ที่ ครูอ้อยพาไปทัศนศึกษา และ ครูอ้อยกับคอมพิวเตอร์