ความเป็นมาของวรรณคดีไทย
ตามประวัติสตร์ปรากฏว่า ชาติไทยเป็นชาติที่ใหญ่และเจริญมานาน ทั้งยังมีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอน ชอบพูดจาให้มีสัมผัสคล้องจองกัน ด้วยนี้ทำให้ชาติไทยน่าจะเป็นชาติที่มีวรรณคดีมานานแล้ว โดยเฉพาะวรรณคดีปาก แต่ตามประวัติวรรณคดีเรามีเอกสารแก่ที่สุดเพียงสมัยสุโขทัย คือศิลักลาจารึกสมัยสุโขทัย ราว ๔๐ หลักและวรรณคดีศาสนาเรื่องไตรภูมิพระร่วง แต่งโดยพระมหาธรรมราชาลิไทย ราว พ.ศ. ๑๘๘๘ วรรณคดีที่จารึกเอาไว้ก่อนหน้านี้อาจ สูญหายหรือถูกทำลายไปแล้ว หรืออาจยังไม่พบฉบับ และบางเรื่องก็มิได้จารึกไว้ เพราะคนไทยสมัยก่อนถ่ายทอดวรรณคดีกันทางมุขปาถะ เรียกว่า วรรณกรรมปาก หรือวรรณคดีปาก เป็นผลทำให้วรรณคดีไทยสืบสวนขึ้นไปไม่ได้ไกลกว่าสมัยสุโขทัย (กุหลาบ มัลลิกามาส, ๒๕๔๒ : ๓๙ – ๔๐)
การแบ่งวรรณคดีออกเป็นสมัยต่าง ๆ (กุหลาบ มัลลิกามาส, ๒๕๔๒ : ๔๑ – ๔๒)
การแบ่งวรรณคดีมีอยู่หลายแบบแต่ลงรอยกันโดยถือเอา “เมืองหลวงหรือนครหลวง” เป็นจุดศูนย์กลางในการแบ่งคือ
๑. สมัยสุโขทัย (๑๒๐ ปี) พ. ศ. ๑๘๐๐ – ๑๘๒๐ ตั้งแต่สร้างอาณาจักรสุโขทัยจนถึงกรุงสุโขทัยเสียอิสระภาพแก่กรุงศรีอยุธยา
๒. สมัยกรุงศรีอยุธยา แบ่งย่อยออกเป็น ๓ ตอนคือ
๒.๑ ตอนต้น (๗๙ ปี) พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๒๐๗๒ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง จนถึงสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ (ต่อจากนั้นว่างเว้นไป ๙๑ ปี เพราะเหตุการณ์ทางบ้างเมืองไม่ปกติ)
๒.๒ ตอนกลาง (๖๘ ปี) พ.ศ. ๒๑๖๓ – ๒๒๓๑ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม จนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ต่อจากนั้นว่างเว้นไป ๔๔ ปี)
๒.๓ ตอนปลาย (๓๕ ปี) พ.ศ. ๒๒๗๕ – ๒๓๑๐ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ถึงสมัยเสียกรุงครั้งที่ ๒
๓. สมัยกรุงธนบุรี (๑๕ ปี)
๔. สมัยกรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพฯ
๔.๑ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (๘๖ ปี) พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๔๑๑ ตั้งแต่สมัยรัชกาที่ ๑ – รัชกาลที่ ๔ ลักษณะวรรณกรรมยังเป็นลักษณะเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
๔.๒ สมัยรับอิทธิพลตะวันตก พ.ศ. ๒๔๑๑ – ปัจจุบัน
วรรณคดีสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
กรุงศรีอยุธยามีอายุยาวนานถึง ๔๑๗ ปี ช่วงเวลาที่บ้านเมืองรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ พอที่จะเป็นปัจจัยให้เกิดวรรณคดีอยู่เฉพาะในสมัยกรุงศรีอยุธยาต้อนต้นบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าทั้งในด้านการปกครอง การทหาร ศาสนาและศิลปกรรมในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถและสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ทางวรรณคดีปรากหลักฐานชัดเจนว่า แต่งมหาชาติคำหลวงเมื่อ พ.ศ.๒๐๒๕ ตรงกับรัชกาลสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถส่วนลิลิตยวนพ่าย ก็แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์พระองค์นี้จึงอาจแต่งในรัชกาลของพระองค์ หรือภายหลังเพียงเล็กน้อย คือ รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒
นอกจากนี้วรรณคดีสำคัญเรื่องอื่น ๆ เช่น ลิลิตพระลอ โคลงกำสรวล โคลงทวาทศมาศและโคลงหริภุญชัย เมื่อพิจารณาถึงลักษณะคำประพันธ์ และถ้อยคำที่ใช้ก็น่าเกิดสมัยร่วมหรือระยะเวลาใกล้เคียงกับมหาชาติคำหลวง และลิลิตยวนพ่ายหลังจากรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ บ้านเมืองไม่สงบสุขเนื่องจากการทำสงครามกับข้าศึกภายนอกและแตกสามัคคีภายในเป็นเหตุให้วรรณคดีว่างเว้นไปเป็นเวลาประมาณหนึ่งศตวรรษ วรรณคดีเรื่องแรกที่ปรากฏหลักฐานหลังรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ คือ กาพย์มหาชาติ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๑๗๐ ต่อจากนั้นประมาณ ๓๐ ปี บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองสามารถเป็นรากฐานให้เกิดวรรณคดีได้อีกระยะเวลาหนึ่งในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ลักษณะวรรณคดีในสมัยอยุธยาตวรรณคดีสำคัญในสมัยอยุธยาตอนต้นส่วนใหญ่มีเรื่องเกี่ยวกับศาสนาพิธีกรรมและพระมหากษัตริย์ จึงมีเนื้อเรื่องคล้ายวรรณคดีสุโขทัยส่วนลักษณะการแต่งต่างกับวรรณคดีสุโขทัยเป็นอย่างมากวรรณคดีในสมัยนี้แต่งด้วยร้อยกรอง ทั้งสิ้นคำประพันธ์ที่ใช้เกือบทุกชนิด คือ โคลง ร่าย กาพย์ และฉันท์ ขาดแต่กลอนส่วนใหญ่แต่งเป็นลิลิต คำบาลี สันสกฤตและเขมรเข้ามาปะปนในคำไทยมากขึ้น
สุจิตต์ วงษ์เทศและนิธิ เอียวศรีวงษ์ได้สรุปภาพรวมของวรรณกรรมอยุธยากล่าวคือ "วรรณกรรมสมัยตำราที่เขียนเป็วรรณกรรมของมูลนายผูกพันอยู่กับตำรับตำราที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรภายใต้อิทธิพลของต่างประเทศเช่น บาลี สันสกฤต มอญ เขมรเนื่องจากอดีตของมูลนายผูกพันกับพงศาวดาร วรรณกรรมอยุธยาจึงแวดล้อมด้วยกษัตริย์ หรือเทพเจ้าที่สัมพันทางใดทางหนึ่งกับกษัตริย์" (สุจิตต์ วงษ์เทศ, ๒๕๔๖ : ๒๕๓)
สรุปวรรณคดีสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น
ศาสตราจารย์คุณหญิงกุลาบ มัลลิกามาส (๒๕๔๒ : ๖๔ – ๖๕) ได้สรุปรูปแบบและลักษณะของวรรณกรรมสมัยอยุธยาตอนต้นได้ดังนี้
๑. จำนวนวรรณคดีมี ๔ เรื่อง คือ ลิลิตโองการแช่งน้ำ ลิลิตยวนพ่าย มหาชาติคำหลวง ลิลิตพระลอ(หรืออาจเป็น ๗ เรื่องโดยเข้าใจว่ามีวรรณคดีอื่นในสมัยนี้ อีก ๓ เรื่อง คือ โคลงกำสรวล โคลงทวาทศมาศ และโคลงหริภุญไชย)
๒. ลักษณะการแต่งเป็นร้องกรองทั้งหมด โดยแยกเป็นลิลิต ๓ เรื่อง คำหลวง ๑ เรื่อง และนิราศ ๓ เรื่อง ซึ่งในสมัยนี้กวีจะนิยมแต่งคำประพันธ์ประเภทลิลิต (โครงกับร่าย) ร่ายดั้น และโครงดั้นมากที่สุด
๓. เนื้อเรื่องแบ่งเป็น ๔ ประเภท คือบทประกอบพิธี ได้แก่โองการแช่งน้ำ บทสดุดีและเล่าเรื่อง ได้แก่ ลิลิตยวนพ่าย, ศาสนา ได้มหาชาติตำหลวง และบันเทิงได้ลิลิตพระลอ
๔. ผู้แต่คือพระมหากษัตริย์ ชนชั้นสูงที่มีการศึกษา หรือบุคคลในราชสำนัก และไม่ปรากฎชื่อผู้แต่งชัดเจน
๕. เป็นสมัยที่เริ่มมีวรรณคดีเพื่อการบันเทิงใจเป็นเรื่องแรกในสมัยอยุธยาตอนต้น คือ ลิลิตพระลอ
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง
เอกสารประกอบการเขียน
กุหลาบ มัลลิกามาศ, ศ. คุณหญิง. ความร็ทั่วไปทางวรรณคดีไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ๒๕๔๒.
นิตยา กาญจนะวรรณ, รศ.ดร. วรรณกรรมอยุธยา. พิมพ์ครั้งที่ ๙. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง. ๒๕๔๘.
ศิลปากร, กรม. กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. ๒๕๔๐.
สุจิตต์ วงษ์เทศ. อยุธยายศยิ่งฟ้า. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : มติชน. ๒๕๔๖.
ไม่มีความเห็น