ถึงเวลาที่ผมเข้าไปใช้บริการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตอีกครั้งหนึ่ง


  เมื่อวาน เพราะเหนื่อยใจกับคำขอร้องจากคนเคียงข้าง..ผมจึงตัดสินใจเดินทางไปโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อไปตรวจหู ที่มีเสียงเหมือนลมพัดผ่านแต่ไม่มีลมพัดมาเป็นเวลากว่า ๔ วันแล้ว ถามว่า รำคาญใจไหม ตอบว่า รำคาญในระดับหนึ่ง แต่อยู่ได้หากเราไม่ไปใส่ใจกับมันมาก และยอมรับว่า ทุกอย่างมีการทรุดโทรมเป็นธรรมดา

  ถัดจากเมื่อวานเป็นวัดหยุดราชการ ดังนั้น เมื่อวานจึงมีคนไข้ไปใช้บริการของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เป็นจำนวนมาก แต่ความมากที่ว่านี้น่าจะไม่เท่ากับโรงบาล...แถวอนุสาวรีย์ชัย ผมไปโรงบาลธรรมศาสตร์เท่าที่จะจำเป็น เพราะบัตรบังคับให้ทำประกันสังคมให้ระบุว่าจะใช้บริการที่ไหน เห็นว่าใกล้ที่ทำงานก็โรงบาลธรรมศาสตร์นี้ อย่างไรก็ตาม หากไปโรงบาลของรัฐ เราต้องเตรียมอะไรบางอย่างไปเพื่อความเพลิดเพลินระหว่างรอคอย อย่างผมคือ เพลงจากโทรศัพท์มือถือพร้อมด้วยหูฟังเพื่อการไม่รบกวนใคร และหนังสือในกระเป๋าสะพาย อย่างเมื่อวานคือ หนังสือของหลวงพ่อพุทธทาสเรื่อง "ตัวกู ของกู"

  การไปใช้บริการหน่วยหู จมูก คอ ค่อนข้างจะงงงันอยู่เหมือนกัน คุณหมอเอาใจใส่ดี แม้ผมจะต่อรองเรื่องการไม่สามารถจะพักได้ หลังจากตรวจสอบความผิดปกติของหูแล้ว คุณหมอหนุ่มซึ่งเหล่าพยาบาลเรียกท่านว่าอาจารย์ ก็บอกเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องพัก อันหนึ่งคือ เส้นประสาทหูที่เสียไปทั้งสองข้าง เป็นช่วงเส้นยาแดง หากรักษาหายได้ก็คือหาย หากไม่สามารถหายได้ในช่วงนี้ ก็คงปิดสนิท คำว่า ปิดสนิท มันกระตุกความรู้สึกบางอย่างของคนไข้อย่างผม และถ้าคนไข้อื่นๆได้ยินคำนี้ก็ไม่แตกต่าง "ห๋า จะหนวกไม่ได้ยินเสียงหรือ ตายละ" อะไรประมาณนี้ แต่ใจหนึ่งของผมดูจะนิ่งๆไม่กระเตื้องมากนักกับคำนั้น และนั่งคิดซ้อนความคิดการการสอบถามหมอ "มันก็เสื่อมเป็นธรรมดา ดีเหมือนกัน หากไม่ได้ยินเสียงอะไร ทุกอย่างมันน่าจะเงียบ และเราก็น่าจะมีเวลาในการใคร่ครวญตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องรับรู้รับฟังสิ่งร้ายๆจากรอบข้าง" ถึงตรงนี้ ความคิดอันหนึ่งก็โต้ออกมาว่า "แล้วการรับรู้ในสิ่งที่ดีผ่านทางหูล่ะ ไม่เอาหรือ" "อืมม มันก็น่าคิด" ฯลฯ ผลคือ หมอสั่งยาและให้ไปตรวจเลือด จากนั้นผมก็เดินจากหน่วยหู คอ จมูก (ตามคำที่คุณพยาบาลบอก) ไปที่หน่วยสุขภาพ หลังจากถูกซักถามแล้ว จึงไปที่ห้องจ่ายเงิน ๒ เพราะอยู่ใกล้ทางเดินพอดี รอรับยา แล้วไปห้องตรวจเลือด ทางห้องตรวจเลือดให้ไปห้องจ่ายเงิน ผมไปห้องจ่ายเงิน ๑ เพราะหน้าห้องตรวจเลือดเขียนไว้ว่าให้ไปห้องจ่ายเงิน ๑ ช่อง ๑๕ ๑๖ ๑๗ ห้องจ่ายเงินหนึ่ง บอกไม่มีข้อมูล ให้ไปที่ห้องหู ตา จมูกใหม่ ผมเดินไปที่ห้องหูตาจมูกบนชั้นสอง คุณพยาบาลสอบถามรายละเอียดและบอกเจ้าหน้าที่โทรไปติดต่อ สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่บอกให้ไปเอาคูปองที่ห้องจ่ายเงิน ๒ เมื่อไปถึงห้องจ่ายเงินสอง เขาถามหาเอกสาร ผมบอกไม่มีเอกสาร เพราะให้ไปแล้วก่อนนั้น เขาคงเหนื่อยหน้าตาเปลี่ยนไป ผมบอกว่า ผมมาเอาคูปองที่จะไปตรวจเลือด เพราะหมอให้ตรวจเืลือดวันนี้ แล้วค่อยมาฟังผลวันที่ ๑๒ อีกท่านหนึ่งที่ยืนอยู่ จึงร้อง "อ๋อ" และหยิบคูปองให้ ผมรับแล้ว ไม่ลืมขอบคุณ เดินออกจากห้องจ่ายเงิน ๒ มุ่งตรงไปที่ห้องตรวจเลือด พักหนึ่ง ผมก็ถูกดูเลือดไปเข็มใหญ่ ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตรวจหู ทำไมต้องตรวจเลือด ทราบภายหลังจากคนเคียงข้างว่า เขาต้องการตรวจดูไขมันและอื่นๆด้วย ผมคิดว่า อืมมม ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ตรวจเลือดนานแล้ว หลังจากถูกดูดเลือด มันรู้สึกเหนื่อยๆเพลียๆชอบกล ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับการถูกดูดเลือด จึงเดินไปกินข้าวที่โรงอาหาร ยอมรับว่า มาโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตทีไร ประทับใจอาหารที่ถูกลิ้นแตกต่างจากที่ทำงาน กินเสร็จสรรพ ลองรับประทานยาตามใบกำกับ ทำไมขมจัง ผมเดินออกจากโรงพยาบาล ข้าวก็กินแล้ว แต่เหนื่อยแฮะ คงเพราะเดินติดต่อจากจุดนั้น จุดนี้ และการเดินทางจาก อ.เสนา มาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ในตอนเช้าด้วย เมื่อถึงริมถนนพหลโยธิน ตั้งใจจะไปที่ทำงานด้วยรถประจำทาง แต่น่าจะไม่ไหว เพราะหากรถไปส่งหน้าประตู ต้องเดินเข้าไปอีก ไหนๆ วันนี้พิเศษสักนิด ใช้บริการ taxi ก็แล้วกัน จึงรอแท็กซี่และได้ไปสู่ที่ทำงานอย่างปลอดภัย

ข้อดีใหม่ที่น่าชื่นชมของโรงพยาบาล (อาจจะเก่าแล้ว แต่ผมเพิ่งเข้าไป)

ก. ตรงมุมหนึ่งของลานเดินเท้ามีการบรรเลงดนตรีไทย ของนักเรียนหญิงสองคน พร้อมด้วยเก้าอี้เรียงรายให้คนได้เข้าไปฟังระหว่างรอคอย เรียกว่า น่าจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชอบดนตรีไทยได้เป็นอย่างไร หากใครชอบใจจะช่วยบริจาค สามารถนำเงินไปใส่ในพานดอกไม้ตรงหน้าของนักเรียนหญิงสองคนนั้นได้ 

http://gotoknow.org/file/nmintra/t_1.jpg

. ระหว่างเดินออกจากโรงพยาบาล (๑) ผมเดินอ้อมไปทางข้างหลัง พบร้านสะดวกซื้อ7-11 บริการ และมีร้านกาแฟซึ่งตกแต่งเป็นอย่างดีสอดคล้องกับยุดสมัยใหม่และคนรุ่นใหม่ เท่าที่สังเกตรอบกายเหล่าอาจารย์รอบข้าง เขาชอบที่จะดื่มกาแฟกันทุกวัน ซึ่งมีร้านอยู่ภายในบริเวณที่ทำงาน ๒ ร้าน แต่ร้านที่ รพ.ธรรมศาสตร์นี้ ดูหรูหรามาก น่าเข้าไปนั่งทีเดียวสำหรับคอกาแฟ

ค. ระหว่างเดินออกจากโรงพยาบาล (๒) มีตลาดนัดในโรงพยาบาลให้เลือกซื้อหาตามความต้องการ เป็นแถวยาวเรียงกัน มีของหลากหลาย เข้าใจว่า หากเรารอคอยเวลาหมอมาปฏิบัติงาน เราสามารถเดินชมสินค้าในตลาดนัดภายในโรงพยาบาลได้ แม้ไม่มีความจำจะต้องซื้อ แต่อาจได้ความคิดบางอย่าง เช่นอาชีพ เพราะสินค้าบางอย่าง เป็นสินค้าที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำใหม่ให้ดูดีและแลกเป็นเงินตราเป็นรายได้พิเศษได้

ได้ความรู้สึกเชิงจริยธรรมอะไรบ้าง จากการเข้าไปใช้บริการโรงพยายาลธรรมศาสตร์ รังสิต คำตอบคือ "ได้" เช่น โรคภัยไข้เจ็บยังเป็นเรื่องปกติของคน..เป็นไปได้ไหมกับเราไม่ต้องรบกวนคุณหมอให้มาก แต่ใช้วิธีการพึ่งพาตัวเองให้มาก...การให้บริการกับคนหมู่มาก หลากหลายนิสัยมันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะให้ทุกคนถูกอกถูกใจ...การพัฒนาโดยไม่หยุดคือการพัฒนาอยางแท้จริง หยุดการพัฒนาเมื่อไรเหมือนกับปลาตายลอยตามกระแสน้ำ...เราคือเพื่อนร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น..แม้จะแก่เฒ่าเพียงใด ก็ยังรู้สึกเสียดายชีวิตกัน...การเจ็บป่วยไม่เลือกชนชั้นวรรณะวัย...ฯลฯ

สุดท้าย ขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาล โรงพยาบาล ฯลฯ และทุกคนที่มีชีวิตเพื่อสืบต่อชีวิต

  

คำสำคัญ (Tags): #โรงพยาบาล
หมายเลขบันทึก: 438380เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2011 08:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ค่าใช้จ่ายราคาประมาณเท่าไหร่ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท