452 ชนะด้วยธงชาติ


กำลังใจ

ร่วมกันร้องเพลงชาติด้วยใจมีพลัง

วันนี้ (30 เมษายน 2511)   ผมได้มีโอกาสต้อนรับและเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะนักเทนนิสเยาวชนหญิงทีมชาติไทย 3 คน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ได้แก่ กมลวรรณ บัวแย้ม, สวรรยา วสุพงศ์ไชย และณหทัย ขันธเขต ซึ่งเดินทางไปแข่งขันเทนนิสเยาวชนชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง “จูเนียร์ เฟดคัพ 2011” โซนเอเชีย/โอเชียเนีย ระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคมนี้ ที่เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยมีคุณธนากร ศรีชาพันธ์เป็นโค้ชและเป็นกัปตันทีมไทย

เรื่องของเริ่องก็คือตามปรกติเวลาไปแข่งในต่างประเทศ บางครั้ง คุณธนากรก็ไม่ได้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตในประเทศนั้น ในครั้งนี้ก็เช่นกันโดยบอกในภายหลังว่ารู้สึกเกรงใจ อย่างไรก็ดี เป็นเพราะธงชาติไทย ทำให้เกิดเรื่องเล่าในครั้งนี้ ลองมาดูกันครับว่าเรื่องเป็นอย่างไร

ในวันพฤหัสที่ 29 เมย. ผมได้รับการติดต่อจากคุณกฎ เพชรภักดีพงษ์ นายสถานีการบินไทยเดลี ขอยืมธงชาติไทยโดยบอกว่าจะเอาไปให้นักเทนนิสไทยที่มาแข่งขันที่เดลี ผมก็เลยสอบถามรายละเอียดจึงทราบว่าเป็นนักเทนนิสเยาวชนหญิงทีมชาติไทย 3 คน มีคุณธนากร ศรีชาพันธ์เป็นโค้ช  ซึ่งคุณกฎเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่ก็บอกด้วยว่าคณะจะแข่งอีก 2 วันและจะอยู่ถึงวันที่ 1 พค.  ผมจึงเห็นว่าน่าจะเชิญมาเยี่ยมสถานเอกอัครราชทูตและเลี้ยงอาหารค่ำให้นักเทนนิส ซึ่งก็บังเอิญอีกละที่เอกอัครราชทูต (พิศาล มาณวพัฒน์) มีราชการด่วนต้องเดินทางกลับไทยในวันที่ 29 เมษายน ผมจึงขออนุญาตท่านทูตเชิญนักเทนนิสมาเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบในวันที่ 30 เมษายน ซึ่งท่านก็กรุณาอนุญาต

ถ้าเอ่ยถึงชื่อของธนากร ศรีชาพันธ์ คนไทยส่วนใหญ่คงรู้จักดี เพราะเป็นพี่ชายของภราดร ศรีชาพันธ์ นักเทนนิสที่มีชื่อเสียงหนึ่งเดียวของไทย แต่สำหรับผม ต้องสารภาพว่าได้ยินชื่อธนากรเหมือนกันแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติเท่าใดนัก อาจด้วยความที่ชีวิตนักการทูต ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมากว่าอยู่ในประเทศไทยจึงไม่ค่อยได้ติดตามข่าวของวงการเทนนิสของไทยเท่าใดนัก คุณธนากรหรืออาจารย์ธนากร เป็นอาจารย์สอนที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี สุภาพ เป็นผู้ใหญ่ สมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทำให้ผมรู้สึกว่านักเทนนิสไทยเยาวชนโชคดีที่มีโค้ชดีๆ เช่นนี้

มาถึงเรื่องว่าทำไมจึงต้องใช้ธงชาติไทยและทำไมธงชาติทำให้ชนะ ผมอาจจะตั้งชื่อเรื่องเกินไป แต่ก็คงไม่ผิดเพราะนอกจากความสามารถของนักกีฬาแล้ว จิตใจก็สำคัญเช่นกัน โค้ชธนากรเล่าให้ฟังว่า ในวันที่ 26 -  27 เมย. สองวันแรกแรกที่แข่งขันกับศรีลังกาและอินเดียนั้น เด็กเล่นแล้วกดดันพอสมควร ทั้งอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่นแข่งกับเจ้าบ้านที่มีคนมาเชียร์ แต่ของเราไม่มีคนไทยมาเชียร์ จึงเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง โค้ชจึงนึกถึงธงชาติไทย จึงได้ขอยืมจากสถานเอกอัครราชทูตเพื่อนำไปติดไว้ข้างสนามและบอกเด็กๆ นักเทนนิสว่าขอให้มองธงชาติแล้วนึกเสมือนว่าเราแข่งอยู่ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ต่อหน้าประเทศชาติ จะได้มีกำลังใจ ซึ่งก็ได้ผล ทำให้นักเล่นมีกำลังใจเล่นมากขึ้น และก็เป็นที่น่าดีใจว่าเด็กไทยสามารถเอาชนะศรีลังกา 3-0 และอินเดีย 2-1 โดยในแมชที่เล่นกับอินเดียนั้น ณหทัย เอาชนะ Snehadevi Reddy 2 ต่อ 3 เซต 1-6 / (8)7-6 และ 6-4    ส่วน กมลวรรณ เดี่ยวมือหนึ่งแพ้ให้แก่ Tahira Bhatti  3-6, 3-6 แต่ในประเภทคู่ กมลวรรณและณหทัย เอาชนะคู่ Bhatti and Jasmine Kaur Bajaj  2 ต่อ 3 เซต ด้วยคะแนน 4-6 / 6-1 / 6-4 

หลังจากนั้น เด็กไทยเราก็เจอกับออสเตรเลีย ทีมวางอันดับ 2 ในจำนวน 16 ทีมในวันที่ 28 เมย. ปรากฏว่าเราแพ้ออสเตรีเลีย 3-0 แต่แมชสำคัญคือระหว่างเรากับนิวซีแลนด์ ในวันที่ 29 เมย  เราชนะ 2-1 โดยณหทัยชนะ Danielle Feneridis 2 ต่อ 1 เซต ในขณะที่กมลวรรณพ่ายแก่ 2 ต่อ 1 เซต เช่นกัน ดังนั้นในประเภทคู่จึงถือเป็นแมชตัดสิน ปรากฏว่าด้วยธงชาติไทยที่ไปติดอยู่ในสนามในวันนั้น ทำให้เด็กของเราซึ่งคะแนนตามอยู่สามารถฮึดสู้พลิกเอาชนะได้อย่างสวยงาม 2 ต่อ 1 ด้วยคะแนน 5-7/ 6-7(7) โค้ชธนากรเล่าในภายหลังว่าแมชนี้เด็กเราสู้ด้วยกำลังใจจริงๆ จนโค้ชของนิวซีแลนด์ต้องยกนิ้วให้

ในวันที่ 30 เมย. ไทยเจอกับญี่ปุ่นทีมวางอันดับ 1 ซึ่งเราพ่ายไปตามคาด แต่อย่างไรก็ดี ผลงานที่ชนะศรีลังกา อินเดียและนิวซีแลนด์ทำให้ทีมไทยเป็น 1 ใน 4 ทีมตัวแทนของโซนเอเชีย/โอเชียเนีย เข้าไปแข่งขันเทนนิสเยาวชนชิงแชมป์โลก ประเภททีมหญิง “จูเนียร์ เฟดคัพ 2011” รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก ในเดือนสิงหาคมได้สำเร็จ  ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตในวันเสาร์ที่ 30 เมย.

ผมได้สนทนากับนักเทนนิสเยาวชนหญิงทั้ง 3 คนไม่ว่าจะเป็นน้องคะน้า สวรรยา วสุพงศ์ไชย  น้องอีฟ  ณหทัย ขันธเขต และน้องนุ่น กมลวรรณ บัวแย้ม รู้สึกได้เลยว่าเป็นเด็กที่เก่งแต่มีสัมมาคารวะแบบเด็กไทย  เป็นเด็กที่กล้าแสดงความคิดความอ่าน ทั้งสามบอกตรงกันว่าผู้ปกครองสนับสนุนให้เล่นเทนนิสและอยากจะเป็นนักเทนนิสทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป 

ผมได้สนทนากับอาจารย์เบิ้มแล้วก็ได้รับแง่มุมคิดเกี่ยวกับนักกีฬาเทนนิสทีมชาติที่น่าสนใจมากทีเดียว และต้องขอชื่นชมอจ.เบิ้มที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในด้านที่ตนถนัดด้วยการเป็นโค้ ชทีมชาติ สร้างนักเทนนิสรุ่นใหม่ๆ เยาวชนเหล่านี้จะเป็นอนาคตของนักกีฬาทีมชาติในโอกาสต่อไปอย่างแน่นอน และก็ได้รู้จากการสนทนาว่าการเป็นโค้ชเทนนิสนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในกีฬา  ยุทธศาสตร์ในการวางตัวผู้เล่น การดูแลผู้เล่นทั้งร่างกายและจิตใจให้สามารถเล่นได้เต็มกำลังและความสามารถ ซึ่งต้องแก้ปัญหาต่างๆ ตลอดเวลาทั้งก่อนการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขันและหลังการแข่งขันรวม ทั้งการให้กำลังใจผู้เล่นในกรณีที่รู้สึกว่ากดดันระหว่างเล่น ซึ่งบางครั้งมีส่วนในชัยชนะของเกมส์

คุณธนากรบอกว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกเล่นกีฬา แต่มักจะมุ่งให้ลูกชนะอย่างเดียว หากลูกแพ้ก็จะรับไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพราะกีฬา ก็ต้องมีแพ้ชนะเป็นของธรรมดา ต้องเรียนรู้ทั้งสองอย่างและพยายามทำให้ดีที่สุดสำหรับเทนนิส ส่วนใหญ่คนที่เป็นทีมชาติไม่ว่าจะเยาวชนหรือระดับชาติ มักจะเริ่มเล่นมาตั้งแต่เด็ก โดยมีพ่อแม่สนับสนุนและเด็กเองก็ชอบด้วย ก็จะเลื่อนระดับมาเรื่อยจากเยาวชน ถ้าไม่เปลี่ยนใจหรหือเปลี่ยนวิถีซะก่อน ก็จะมาถึงทีมชาติ

หลังจากงานเลี้ยงเย็นวันที่ 30 เมย.แล้ว ทีมไทยมีแข่งกับไต้หวันในวันที่ 1 พค. เป็นนัดสุดท้ายซึ่งไม่มีผลอะไรมากเพราะเป็นการชิงที่ 3 อย่างไรก็ดี ผมก็อยากจะไปดูเพราะอยากจะไปให้กำลังใจนักกีฬาเยาวชนของเราดังนั้นในเช้าของวันที่ 1 พค. ผมจึงได้มีโอกาสไปสนามแข่งขันเทนนิส  K H Khanna Tennis stadium ซึ่งเป็นสนามที่ใช้แข่งขันในกีฬาเครือจักรภาพที่ผ่านมาในปีที่แล้วด้วย

ผมนั่งชมการแข่งขันในวันนั้นตั้งแต่ต้นจนจบรวมเวลากว่า 5 ชม. รู้สึกอิ่มใจที่ได้เห็นเยาวชนหญิงไทยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศในด้านกีฬาเทนนิส  แม้ด้วยวัยที่ยังเยาว์ ตามปรกติก็ยังเป็นเด็กเหมือนเด็กทั่วไป แต่ด้วยภาระหน้าที่แล้วต้องถือว่าเธอทั้ง 3 มีหน้าที่เกินวัย เพราะได้ทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวแทนของประเทศตั้งแต่ยังเด็ก ผมจึงเข้าใจดีถึงความกดดันของนักกีฬาในสนาม การแข่งขัน วันนั้นอากาศร้อนมาก เด็กทุกคนสู้ด้วยใจจริงๆ ขอชื่นชมด้วยใจจริง

อากาศร้อนมาก เด็กไทยเล่นได้ดีมากแม้จะไม่ชนะแต่ก็เล่นได้สมศักดิ์ศรี ทั้งนี้ 4 ทีมที่ได้ไปเล่นที่เม็กซิโกคือ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวันและไทยตามลำดับ

โค้ชมีความสำคัญมากสำหรับนักเทนนิส โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งอนุญาตให้โค้ชเข้าไปนั่งในสนามได้ ในทุกเซต ผมได้เห็นการให้คำแนะนำของโค้ชกับเด็กและการให้กำลังใจในช่วงที่กดดัน ทำให้รู้สึกว่าเทนนิสเป็นกีฬาที่ใช้ทั้งแรงและยุทธวิธี ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้สมาธิและจิตใจที่นิ่ง จิตใจนั้นสำคัญมากเพราะนอกจากจะต่อสู้กับตัวเอง คู่ต่อสู้แล้ว ยังต้องสู้กับอากาศและสิ่งแวดล้อมด้วย สภาพจิตใจของผู้เล่นจึงสำคัญและมีส่วนในผลการเล่นไม่น้อยไปกว่าฝีมือ

ที่สำคัญ ในวันนั้น ผมได้เห็นแล้วว่าธงชาติไทยที่ถูกยืมไปติดในรั้วตรงกลางหลังกรรมการนั้น ทำให้เหมือนมีประเทศไทยอยู่ตรงนั้นให้กำลังใจนักกีฬาของเราด้วย ในวันที่ 1 พค. 2011 โค้ชธนากรและนักเทนนิสเยาวชนไทยทั้ง 4 คนก็นำธงชาติไทยมาคืนกับผม พวกเราได้ร่วมกันร้องเพลงชาติในโอกาสนี้ด้วย โค้ชธนากรบอกด้วยว่าเป็นการมอบคืนอย่างเป็นทางการด้วยความขอบคุณ และคงไม่ผิดที่จะยืนยันว่า ชนะด้วยธงชาติไทย  ไชโย 

หมายเลขบันทึก: 437831เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 14:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีค่ะท่านเอกฯ

เห็นชื่อบันทึกตอนแรกจะงงๆ ว่ายังไง อ่านดูจึงได้เข้าใจ และได้มุมคิดด้วยค่ะ

ชัยชนะในเกมกีฬา กำลังใจ แรงสนับสนุน สภาพจิตใจ มีผลมากๆ

ขอบพระคุณสำหรับข่าวที่น่ายินดีนี้ค่ะ 

 วันก่อนดูข่าวที่ท่านนายกฯไปเยือนอินเดีย เห็นท่านเอกฯ ด้วยค่ะ สุขสันต์ค่ะ

 

 คุณ Poo ครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะครับ

กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ...ยังจำเพลงนี้ได้อยู่ครับ ยิ่งนึกก็ยิ่งเห็นความหมายลึกซึ้งของเพลงและกีฬา

กายกับจิตนี้ไปด้วยกันครับ ดังนั้นการพัฒนาเยาวชนของชาติและของโลกจึงต้องพัฒนาทั้งกายและจิต  การได้พบนักกีฬาก็ทำให้ได้รับความรู้และข้อคิดที่ดีครับ

เรียนทุกท่าน

จากการค้นข่าว ทราบว่าทีมเยาวชนชาย อายุไม่เกิน 16 ปี ซึ่งไปแข่งที่เดลี ก่อนหน้านี้ ก็สามารถผ่านเป็น 1 ใน 4 ทีมของโซนเอเชีย/โอเชีเนีย ไปชิงแชมป์โลกที่เม็กซิโกในเดือนสิงหาคมเช่นกัน...นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ

ขอบอกว่าเห็นด้วยนะคะ ที่คุณพลเดชบอกว่าพ่อแม่คนไทยจะทนไม่ได้ที่ถ้าแข่งกีฬาแล้วลูกแพ้ แล้ว คติที่ว่า"กีฬาแพ้คนไม่แพ้" ยังมีกันอยู่หรือป่าวคะ?

ข้อแก้นะคะคือเป็นคำพูดของคุณธนากร ที่บอกว่าพ่อแม่คนไทยส่วนใหญ่มักจะมุ่งให้ลูกชนะอย่างเดียว หากลูกแพ้ก็จะรับไม่ได้ น้าจ้าใจเร็วไปหน่อยรีบพิมพ์ อิอิ

น้าจ้าครับ

คำถามที่ว่า "กีฬาแพ้ คนไม่แพ้" ยังมีอยู่หรือเปล่านี้ ต้องรออาจารย์ธนากรมาตอบนะครับ

สำหรับผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า กีฬานั้นมีประโยชน์มาก ให้อะไร ทั้งเมื่อแพ้และชนะ...ที่ว่าให้อะไรก็คือ เราได้เรียนรู้ตัวเราเอง เรียนรู้จิตใจของเราเองว่าเป็นอย่างไร หากชนะ ก็ดีใจอย่างมีเหตุมีผล เพราะซ้อมาดี เล่นดี แรงดี อารมณ์ดี สิ่งแวดล้อมดี แต่หากแพ้ ก็ยอมรับด้วยเหตุผลเช่นกัน ว่าแพ้คราวนี้เพราะอะไร คราวหน้ายังมีให้แก้ตัว สู้ต่อไปอย่างไม่ท้อถอย....นี่ละครับสิ่งที่ผมว่าได้

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมนักเทนนิสเยาวชนหญิงไทยทั้ง 3 คนนี้ก็คือเขาสื่อสารกับนักเทนนิสต่างชาติได้อย่างสบาย ดูเป้นเพื่อนนักกีฬามากกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะพัฒนาตนเองไปสู่การแข่งขันระดับสากล

ถ้ากีฬาเป็นยาวิเศษจริง ก็จะไม่มีอาการแบบกีฬาแพ้ แต่คนไม่แพ้ครับ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะครับ

เจริญพร ท่านอัคร ฯ

แวะมาเยี่ยมบล๊อก..อาตมาเพิ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ใน Gotoknow...ตั้งใจว่า จะรวบรวม บันทึกจากบล๊อกสู่บุ๊คไว้ให้ได้สักเล่มด้วย หวังจักเดินตามแบบอย่างท่าน ช่วงนี้มาประจำอยู่ที่สาวัตถี เนตใช้ได้ดีไม่เหมือนอยู่กุสินาราเนตแย่มาก กำลังเร่งเรื่องใบอนุญาตก่อสร้างทั้งโครงการให้เสร็จภายในเดือนนี้

เจริญพร

จากท่านคมสรณ์

สวัสดีค่ะ

"...ถ้ากีฬาเป็นยาวิเศษจริง ก็จะไม่มีอาการแบบกีฬาแพ้ แต่คนไม่แพ้ครับ"

ชอบคำแนะนำที่เขียนให้คุณจ้าค่ะ

นมัสการท่านพระครู ท่านคมสรัญญ์ ครับ

นับเป็นข่าวดีของชาวโกทูโนครับ ที่ท่านจะมาเปิดบล๊อคที่นี่ พวกเราจะได้อ่านเรื่องราวดีๆ ของอินเดียผ่านพระธรรมทูตไทยสายอินเดีย

หลายคนบอกว่าผมรักอินเดียมากไปหรือเปล่า เพราะอะไรก็พูดแต่ด้านดีๆ .....ก็เป็นส่วนหนึ่งของการให้ข้อมูลครับ เนื่องจาก คนไทยทั่วไป มักจะมีทัศนคติที่ค่อนข้างลบต่อ "แขก" บางคนไม่เคยสัมผัสกับคนอินเดียมาก่อน บางคนก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วและเข็ดแล้ว...

เบื้องหลังจากพยายามนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอินเดีย ก็เพราะผมแคร์คนไทย อยากให้คนไทยได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมในด้านอื่นๆ นอกจากด้านที่เป็นลบบ้าง จะได้เห็นโอกาสและประโยชน์ที่จะเข้ามาแสวงหา แทนที่จะปิดตาย ก็อยากจะบอกว่า ก็เพราะรักประเทศรักคนไทยนั่นแหละครับ จึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้เสนอและจัดการข้อมูล

ผมเองก็ตามรอยท่านในการเผยแพร่สิ่งดีๆ ให้กับสังคมครับ

นมัสการด้วยความเคารพครับ 

คุณลำดวนครับ

ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย

ผมมองเห็นข้อดีของ "ยา" ในการกีฬาครับ ถ้าคนเราจะทานเฉพาะของหวานๆ ก็คงอายุสั้น แต่ถ้ารู้จักทานยาซึ่งมีรสไม่หวานด้วย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

กีฬา นอกจากจะได้ประโยชน์ส่วนตัวแล้ว น่าจะมีประโยชน์ต่อการสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีของคน...ที่เล่นกีฬาด้วยครับ เมื่อไม่นานมานี้ อินเดียแข่งคริกเกตกับปากีสถานในรอบรองชนะเลิศคริกเกตโลก ก็มีการเชิญผู้นำของทั้งสองประเทศมาร่วมชมด้วย เป็นกีฬาเพื่อการทูตที่ดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท