บทความ
เรื่อง “ครูมืออาชีพ ”
รุ่งทิพย์ กล้าหาญ
อาจารย์ประจำสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
ครูเป็นอาชีพชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะด้านการอบรมสั่งสอน เพื่อให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้ มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะ และมีความรู้สึกนึกคิดใหม่หรือดีขึ้น มากขึ้น เหมาะสมขึ้น ซึ่งเป็นภาระกิจต้องใช้ความรู้ความสามารถพิเศษในการทำงาน และสังคมก็ให้การยกย่องความสำคัญของครู โดยครู(TEACHERS) มีภาระหน้าที่ดังนี้
1. T (Teaching) การสอน หมายถึง การอบรมสั่งสอนศิษย์ให้มีความรู้ ความสามารถในวิชาการทั้งปวงและเกิดปัญญาในการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขในสังคม ซึ่งถือว่า การสอนคืองานหลักของครู
2.E (Ethics) จริยธรรมหมายถึง นอกจากครูจะมีบทบาทในการอบรมส่งเสริมจริยธรรมให้
แก่นักเรียนแล้ว ครูจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่เหมาะสม
3. A (Academic) วิชาการ หมายถึง ครูต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบในทางวิชาการทั้งต่อตนเองและในด้านส่งเสริมความเจริญงอกงามของศิษย์
4. C (Cultural Heritage) การสืบทอดวัฒนธรรม หมายถึง ครูจะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการสืบทอดวัฒนธรรม จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง
5. H (Human Relationship) มนุษยสัมพันธ์ หมายถึง ครูอาจารย์ต้องทำหน้าที่เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทั้งในด้านส่วนตัว และส่วนรวม ซึ่งมนุษยสัมพันธ์ของครูประกอบด้วย มนุษยสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน , มนุษยสัมพันธ์ระหว่างครูกับครู และ มนุษยสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้ปกครอง/ชุมชน
6. E (Evaluation) การประเมินผล หมายถึง การประเมินผลการเรียนของนักเรียนและการสอนของครู ซึ่งการประเมินผลสามารถทำได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และเนื้อหา เพื่อนำไปพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
7. R (Research) การวิจัย หมายถึง การที่ครูต้องเป็นนักแก้ปัญหา และศึกษาหาความรู้จากความจริงที่เชื่อถือได้ ซึ่งการที่จะแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพครูจะต้องทราบสาเหตุที่แท้จริงของการปัญหา เหตุนี้ทำให้การวิจัยเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ครูได้ข้อมูลที่เป็นจริงและน่าเชื่อถือเพื่อนำไปใช้พัฒนากระบวนการเรียนการสอน ซึ่งการวิจัยในเบื้องต้นสำหรับครูสามารถทำได้ โดยการตั้งปัญหา การตั้งสมมุติฐานในการแก้ปัญหา การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการสรุปผล(ยนต์ ชุ่มจิต , 2530 , หน้า 20)
8.S (Service) การบริการ หมายถึง การบริการให้แก่ศิษย์ ผู้ปกครองและชุมชน
จากภาระหน้าที่ดังกล่าว….ครูจึงต้องระลึกถึงความรับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนคือ ต้องมีความสามารถทำงานตามหน้าที่ ด้วยความตั้งใจในการปฏิบัติงาน และมีความปรารถนาหาความรู้เพิ่มเติม ค้นคว้า ทำตัวให้ทันสมัยกับเหตุการณ์อยู่เป็นนิจและที่สำคัญยิ่งคือต้องมีน้ำใจรักศิษย์ อยากเห็นศิษย์มีความเจริญก้าวหน้า ช่วยอุ้มชูสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดี คนฉลาด เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและประสิทธิภาพของประเทศ ด้วยบทบาทและหน้าที่สำคัญของครูคือ การจัดกระบวนการและเนื้อหาในการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ พร้อมทั้งถ่ายทอดวัฒนธรรม และการสร้างภูมิปัญญาให้แก่สังคม นี้เองประกอบกับภาวะปัจจุบันที่ สังคมโลกกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยนจากยุคทุนนิยมเคลื่อนเข้าสู่การเป็นสังคมแห่งความรู้(Knowledge Society)ซึ่งประเทศต่าง ๆ กำลังแข่งขันด้านคุณภาพของมนุษย์ โดยอาศัยฐานความเข้มแข็งของปัญญาเป็นหลัก ( ปีเตอร์ ดรัคเกอร์ อ้างในสุเรษฐ บัวชาติ , 2537) ซึ่งลักษณะของบุคคลที่เป็นต้องการในยุคโลกาภิวัฒน์คือ คนที่มีความรับผิดชอบ เข้าใจงานของตน ว่าประกอบด้วยงานของคนอื่นอย่างไร ต้องสามารถปฏิบัติงานใหญ่ได้ โดยสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงและคนรอบข้างได้ คนในยุคใหม่จึงต้องเป็นคนมีความสามารถทำงานที่ซับซ้อน มีความเป็นตัวของตนเอง หรือมีอิสระแห่งตน จึงเป็นประเด็นที่ท้าทายสำคัญบุคคลการทางการศึกษาโดยเฉพาะครูว่า ทำอย่างไรในระบบสังคมอนาคตเราจะทำให้เด็กของเรามีความเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ เปราะบาง เพื่อจะสามารถต่อสู้ในระบบแข่งขัน และอยู่ได้ดี โดยได้รับประโยชน์จากความเจริญ จากเทคโนโลยีต่าง ๆ และจะจัดการเรียนการสอนอย่างไรเพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขและสมดุล
การเรียนที่สมดุลและมีความสุข ต้องเป็นการเรียนรู้ที่ไม่ยัดเยียด ความรู้เนื้อหาสาระให้กับผู้เรียน หากเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม โดยครูเป็นผู้เอื้ออำนวยการเรียนรู้ รับผิดชอบและวิเคราะห์การเรียนรู้ รับผิดชอบและวิเคราะห์วิธีการเรียน กระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการเรียนรู้ทักษะทางวิชาการ ด้วยตนเอง และเรียนรู้จากกลุ่ม จากการส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างความรู้เชิงความคิดและสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมและสังคม ขึ้นมาด้วยตัวเอง และเป็นผู้บอกความรู้เอง ทั้งยังต้องเสริมสร้างทักษะทางสังคมให้ผู้เรียน มีความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ มีสุนทรียภาพ มีความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ พร้อมที่จะสร้างสังคมให้มีความรักในเพื่อนมนุษย์ มีรัก และความรับผิดชอบต่อครอบครัว รักชุมชน รักธรรมชาติ ให้มีความสมดุล มีเอกภาพ เพื่อให้เกิดความสุข และสันติ เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ที่พร้อมจะรับและเลือกปฏิเสธข่าวสารเทคโนโลยีด้วยวิถีแห่งปัญญา(วิชัย วงศ์ใหญ่ , 2541 , หน้า 66)
การที่ครูจะสามารถจัดการเรียนที่มีความสุขได้นั้น ควรเริ่มต้นจากการที่ครูจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างแท้จริง เพื่อจะนำไปสู่พื้นฐานการจะเข้าใจศิษย์อย่างแท้จริง โดยปราศจากความขัดแย้งทั้งการคิดและการกระทำ เพราะจากบทบาทของครูในฐานะผู้กระตุ้น รับผิดชอบ วินิจฉัยศิษย์และกระบวนการเรียนรู้ ครูจึงเป็นนักจัดการเรียนรู้และผู้เอื้ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ซึ่งหากครูมีความเข้าใจถึงบทบาทของตนแล้วย่อมก่อให้เกิด ความจริงใจ ความรัก และความหวังดีกับศิษย์โดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมบทเรียน การดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน การกระตุ้นผู้เรียน การเสริมแรง หรือให้กำลังใจแก่ศิษย์โดยเฉพาะการให้กำลังใจซึ่งจะเป็นพลังให้ศิษย์เกิดความเชื่อมั่นในตนเองในการกระทำหรือละเว้นจากการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คาดหวัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเรียนรู้
ความจริงใจที่ครูมีต่อตนและศิษย์จะช่วยให้ครูเป็นผู้รับฟังที่มีประสิทธิภาพ จากการรับฟังในสิ่งที่ศิษย์พูด คิดและทำ ด้วยความเข้าใจ และยอมรับศิษย์ในสภาพที่เขาเป็นอยู่ ในฐานะบุคคล เกิดเจตคติที่ดีในการมองศิษย์อย่างมีคุณค่า วางใจและเชื่อใจในศักยภาพของเขา ว่า ทุกคนสามารถพัฒนาได้ หากได้รับโอกาสและเวลา ความรู้สึกจริงใจและสนใจที่ครูมีต่อศิษย์โดยคิดว่า ศิษย์คือ เพื่อน บุตร ญาติพี่น้อง จะทำให้ครูมีความเอื้ออาทรต่อศิษย์เพิ่มขึ้นและจะพยายามเข้าใจถึงปัจจัยที่ทำให้บุคคลมีความแตกต่างกันเช่น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม พฤติกรรม วัย วุฒิภาวะ การอบรมสั่งสอน ฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ ถิ่นกำเหนิด ศาสนา และอิทธิพลของกลุ่ม ซึ่งเมื่อผู้สอนเข้าใจและยอมรับศิษย์ จะทำให้การสอนเป็นไปโดยราบรื่น เกิดความพยายามสร้างให้ศิษย์มีความสุข สะดวกสบายในการเรียนรู้ มีความฉลาด ปฏิภาณ ไหวพริบ รวมทั้งมีทักษะในการสื่อสารระหว่างบุคคล และสร้างศิษย์มีคุณลักษณะที่ดีให้ติดตัวคงทนถาวร ทั้งด้านความสามารถทางด้านความรู้ ทักษะ สติปัญญา และความต้องการในการที่จะมุ่งมั่นพัฒนาตนเองให้มีคุณค่าในการทำงาน ในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขเพื่อการก้าวไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และสิ่งสำคัญในการที่ครูจะสามารถประความสำเร็จในการอบรมสั่งสอนเพื่อให้ศิษย์มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์นั้น ครูจะต้องสร้างให้ศิษย์เกิดความรักใคร่ศรัทธาในครูด้วยการให้ความรักและเป็นแบบอย่าง
นอกจากความจริงใจแล้ว กระบวนทัศน์ใหม่ในการจัดการศึกษาที่จะส่งเสริมศักยภาพของศิษย์เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่ง การที่จะทำให้ศิษย์แต่ละคนได้พัฒนาศักยภาพของตนอย่างเต็มความสามารถ วิธีการสอนที่หลากหลายที่พริ้วไปตามลีลาการเรียนรู้ของศิษย์ ซึ่งเมื่อครูเข้าใจในธรรมชาติของศิษย์จะสามารถพลิกบทบาทในกระบวนการเรียนการสอนจากการที่ครูเป็นผู้“บอกให้จด บอกให้จำ” มาเป็นพี่เลี้ยงหรือมักคุเทศก์ ผู้คอยให้ข้อคิด และคำแนะนำ รวมทั้งยังสามารถจำลองห้องเรียน โรงเรียนและชุมชนให้เป็นสังคมที่กระตุ้นการเรียนรู้ เพื่อสร้างพื้นฐานให้ศิษย์เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และรู้วิธีการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่ง ดร. รุ่ง แก้วแดง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติได้เคยกล่าวไว้ว่า“ ครูที่สอนดีที่สุดคือ ครูที่สอนน้อยที่สุด” และต้องพยายามพัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับธรรมขาติของผู้เรียนทำให้ผู้เรียนมีความรักที่จะเรียนรู้อย่างยั่งยืน
เช่นเดียวกับคำกล่าวของนายแพทย์ประเวศ วะสี ที่กล่าวว่า “ถ้าครูยังสอนแบบถ่ายทอดเนื้อหา อีกทั้งเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สลับซับซ้อนมากขึ้น ครูก็ขาดความมั่นใจ มีความทุกข์ มีบุคลิกบีบคั้นนักเรียน นำความทุกข์นั้นไปสู่นักเรียน เมื่อนักเรียนต้องเรียนด้วยความทุกข์ ก็ไม่เกิดฉันทะ กลายเป็นคนเกลียดการศึกษา ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยคนเกลียดการศึกษา” ด้วยเหตุนี้หากครูสามารถจัดกระบวนการเรียนการสอนที่ทำให้ศิษย์รู้ความหมาย คุณค่าของความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้และการนำไปใช้ในวิถีชีวิตภายภาคหน้า จะทำให้ศิษย์ไม่ “ส่งคืน” ความรู้แก่ครูในเวลาอันสั้นเฉกเช่นการเรียนรู้ที่ครูเป็นผู้สั่งและให้ศิษย์ปฏิบัติตาม พร้อมกันนี้จะต้องประสานแนวทางในการจัดการศึกษาร่วมกับบิดามารดา ผู้ปกครองและชุมชนให้เกิดความเข้าใจในจุดมุ่งหมายทางการศึกษาร่วมกัน เพื่อจะช่วยให้ศิษย์เกิดเรียนอย่างมีความสุข ความสมดุล สามารถเรียนที่จะรู้ จะทำ จะอาศัยอยู่ร่วมกัน และจะเป็นตัวของตัวเองตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ที่พึงจะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งสติปัญญา สามารถควบคุมตนเอง เพื่อจะเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างสรรค์การเรียนรู้สำหรับยุคโลกาภิวัฒน์นี้ มิได้ต้องการครูที่เก่งกาจเกินมนุษย์แต่อย่างใด แต่ต้องการครูที่ตระหนักถึงภาระหน้าที่ของคำว่า “ครู (TEACHERS)” ครูที่มีสัมผัสที่ดีกับศิษย์ เข้าใจธรรมชาติของศิษย์ และทำให้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่ในตัวศิษย์แต่ละคนได้ฉายแววออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งครูทุกคนทุกระดับสามารถพัฒนาตนเองเป็นครูมืออาชีพได้ หากครูมีการตื่นตัวในการพัฒนาตนและเตรียมความพร้อมเพื่อยอมรับการเปลี่ยนแปลง เปิดใจให้กว้าง มีใจเป็นกลาง พยายามเรียนรู้อย่างเท่าทันและรอบรู้ มีมุมมองอย่างเชื่อมโยง ในการสังเคราะห์ วิเคราะห์ ถึงความเป็นจริงในสังคม มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล และความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้ ที่สำคัญยิ่งอีกประการสำหรับครูยุคใหม่คือจะต้องมีความอดทน เพราะผลงานของครูจะบังเกิดผลแก่ศิษย์และ งานที่ยิ่งใหญ่ของครูคือ การสอนคนซึ่งเป็นงานเพื่อสังคมมนุษย์ ด้วยภาระที่หนักหน่วงเช่นนี้ ผู้เป็นครูจึงควรเชื่อและนับถือตนเอง เชื่อในคุณค่าของสิ่งที่ครูกำลังพยายามทำให้สำเร็จนั้น คือ สอนให้ผู้อื่นได้เรียนรู้เพื่อจะสามารถปฎิบัติตนได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์ทั้งหลายทั้งปวง และพึงระลึกเสมอว่า นอกจากการที่ผู้เรียนจะเรียนรู้หรือจดจำเนื้อหาได้มากน้อยต่างกันตามแต่บุคคลไปแล้วนั้น สิ่งที่ผู้เรียนจะยังคงจำได้คือ ครูและความเป็นครู ของครูนั้นเอง (สมศรี ไชยศร , 2539 หน้า 2-10)
ชอบอาจารย์รุ่งทิพย์มาก สอนดีสุดๆ
ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆอย่างนี้ค่ะ ขอให้สร้างงานดีๆต่อไปนะคะ
อ่านแล้วชื่นใจครับ