ผมได้รับจดหมายเชิญเข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็น "การสะท้อนปัญหาจากประชาสู่รัฐ" จากเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ..ในวันนี้ ตั้งแต่เช้ายันเย็นที่โรงแรมท๊อปแลนด์
การประชุมฯ ครั้งนี้ จัดโดยสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์..
ความจริงเป็นงานวิจัย เรื่อง "การประสานเชื่อมโยงกับองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนในการสะท้อนปัญหาจากประชาสู่รัฐ"
เป็นการจัดเวทีสาธารณระดับอนุภูมิภาคครั้งที่ ๕ ในจำนวนที่จะต้องจัดทั้งหมด ๙ ครั้ง ครั้งนี้ใช้พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่าง และเชิญตัวแทนจากองค์กรเครือข่ายในจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมประชุม โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ ๑๐๐-๑๔๐ คน
beeman เรียนและทำงานทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ครั้งนี้ต้องไปทำงานภาคประชาสังคม ในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม.. ความจริงก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะคนเราสามารถทำอะไรก็ได้ถ้าเราอยากทำ (จำมาจากวาทะของคุณสู่ขวํญ บุลกูล เมื่อคืนนี้)
วันนี้ผมก็จะได้ไปเรียนรู้ รูปแบบการจัดประชุมแบบ Nominal Group มันเป็นไฉน..แต่ก็คงไม่พ้นเรื่องของการระดมความคิด
จะมีการแบ่งกล่มๆ ละ ๑๐-๑๒ คน จำนวน ๗-๑๐ กลุ่ม ผมคาดหมายว่าตัวเองน่าจะอยู่กลุ่ม ๗ เพราะเป็นตัวเลขที่ชอบ..
กระบวนการที่ดำเนินงาน
- เมื่อเข้ากลุ่มตอน ๑๐.๓๐ น.แล้ว เลือกหัวหน้ากลุ่มเพื่อทำหน้าที่สรุปบนเวทีภาคบ่าย
- ให้แต่ละคนเขียนประเด็นปัญหาที่ตัวเองเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับความสนใจจากรัฐในการแก้ไข พร้อมเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา เฉพาะหัวข้อ คนละ ๕ หัวข้อ
- นำหัวข้อมาจัดกลุ่มเรื่อง (คาดว่าน่าจะจัดทำในรูปแบบที่เป็นบัตรคำ)
- เปิดโอกาสให้อภิปรายถกเถียงเพื่อสนับสนุนความเห็นของตนเอง
- ลงมติเพื่อเีรียงลำดับความสำคัญ จากมากสุดไปน้อยสุด
- หัวหน้ากลุ่มจังหวัด สรุปและเตรียมนำเสนอในภาคบ่าย
ภาคบ่ายเริ่มบ่ายโมงครึ่งนำเสนอปัญหาในกลุ่มพื้นที่ของตัวเอง กลุ่มละ ๗-๑๐ นาที ให้เวลารวมชั่วโมงครึ่ง..
สมองของผมในตอนนี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ และคาดหวังว่าตอนบ่ายวันนี้คงจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของ Nato=No Action Talk Only แต่อยากเห็นบรรยากาศของ AFTA=Action First Talk Afterward
ความคาดหวังล่วงหน้า
อยากดูการเตรียมงานของพวก Fa ทั้งหลายในการสร้างบรรยากาศการประชุม
อยากสัมภาษณ์ผู้ช่วยวิจัย นางสาวอุไรวรรณ ประทีป ณ ถลาง ผู้ประสานงาน
อยากรู้ขั้นตอนว่า หากระดมความคิดหมดแล้ว กว่าจะถึงภาคปฏิบัติโดยคณะรัฐมนตรี จะใช้เวลานานประมาณเท่าไร..
----------------------------------------------------------------------------------------
วิทยากรรับเชิญ มาพูดเรื่อง "ภูมิภาคพินิจ" คือ ผศ.ดร.ดลเดช ตั้งตระการพงษ์ พี่ชายหมอกอล์ฟ รองเดช ตั้งตระการพงษ์นั่นเอง (ยินดีด้วยครับที่ภรรยาตั้งท้องได้ ๓ เดือนแล้ว)
ปัญหาสาธารณะภาพรวมของภาคเหนือตอนล่างมีประมาณนี้
- เรื่องปากท้อง,การเกษตร-และที่ดินทำกิน, ราคาผลผลิตทางการเกษตร
- เรื่องน้ำ น้ำท่วม-ภัยแล้ง, สร้างเขื่อน ไม่สร้างเขื่อน
- ปัญหาสุขภาพ และการบริการทางสาธารณสุข
หลังจากจบการประชุม ผม AAR กับตัวเองดังนี้
- การประชุมครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย เพราะเป้าหมายหลักเป็นเรื่องของงานวิจัย ซึ่งคณะผู้วิจัยชุดนี้มาจากสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
1) รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร หัวหน้าโครงการวิจัย
2) รศ.ดร.อัมพร ธำรงลักษณ์ นักวิจัย
3) ดร.นงนุช วิชญะเดชา นักวิจัย
4) นายบริบูรณ์ ฉลอง ผู้ช่วยนักวิจัย
5) นางสาวอุไรวรรณ ประทีป ณ ถลาง ผู้ช่วยนักวิจัย
- เป็นการประชุมที่ผู้จัดทำการบ้านมาน้อย..
- ไม่เห็น Fa น้อยในกลุ่มที่แบ่งเป็น ๙ กลุ่มจังหวัด (คาดคะเนผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ ๑๐๐ ท่าน-สังเกตว่าในหนังสือเชิญผู้เข้าร่วมฯ จังหวัดพิษณุโลก-เขาเชิญไปประมาณ ๔๐ คน เข้าร่วมจริง ๑๓ คน แสดงว่าหวังผลคนเข้าร่วมประมาณหนึ่งใน ๓)
- ในกลุ่มย่อย (พิษณุโลก) ทุกคนแย่งกันพูดแต่เรื่องของตัวหาคนฟังไม่ค่อยได้
- ยังดีที่ในกลุ่ม มีผู้นำธรรมชาติ (เป็นประธานหญิง-เครือข่ายสิทธิสตรี) และเลขาหญิง (คุณสุ) ซึ่งมีประสบการณ์ ช่วยนำพานาวาของกลุ่มให้ผ่านพ้นไปได้
- คณะผู้วิจัย ควบคุมบรรยากาศจากเวที ส่วนกลุ่มย่อยให้ดำเนินการตามธรรมชาติ และส่งการบ้าน (ปัญหาและวิธีแก้ไข) ในกระดาษ ซึ่งบรรลุวัตถุประสงค์
- การ Present แต่ละกลุ่มจังหวัดให้เวลา ๗-๑๐ นาที แต่ใช้จริง ๑๐-๒๐ นาที แต่สุดท้ายก็จบได้ในเวลา ๑๕ นาฬิกา..
- งานนี้เบิกค่ารถได้ ส่วนคนมาจากต่างจังหวัดได้ที่พัก ๑ คืน พร้อมอาหารเช้า ส่วนผมอยู่พิษณุโลกได้ค่าพาหนะ ๒๐๐ บาท
- ผมได้คุณสุ คนคอเดียวกัน ๑ คน คุยกันตลอด เป็นคนที่มีศีลใกล้เคียงกันเลยคุยรู้เรื่อง คุณสุเรียงศีล ๕ ที่คนทำผิดมากที่สุด เริ่มจากข้อ ๓ ข้อ ๕ ข้อ ๔ ข้อ ๒ ข้อ ๑ และได้ข้อสรุปว่า ปัญหาทุกเรื่องที่ระดมกันมาเป็นเรื่องนอกตัวทั้งสิ้น แต่ปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาเรื่องศีลธรรมเสื่อม ผู้ปฏิบัติในศาสนาต่างๆ หย่อนยาน และไม่เข้าใจแก่นของศาสนา ซึ่งถ้าเข้าใจแก่นแล้ว ปัญหาต่างๆ ที่ระดมกันมาจะไม่เกิดขึ้น เพราะทุกคนจะหันมาพึ่งพาตนเองและพึ่งพาธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไม่บันยะบันยังกันเหมือนทุกวันนี้
- ทุกงานที่ผมตั้งใจไปร่วมฯ ผมย่อมได้ความรู้ไม่มากก็น้อย และเกิดสิ่งที่ไม่คาดหวัง อย่างครั้งนี้ ได้คุณสุฯ กับ ท่านประธาน ขอเบอร์ไว้ เพื่อชักชวนให้ไปทำงานภาคประชาสังคม ซึ่งเขาเห็นว่าผมคงมีอะไรดีๆ ไปช่วยกลุ่มที่ทำงานเพื่อคนอื่น และผมก็คงเป็นคนที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น