จดหมายถึงครู l พึ่งอ๋อกับตนเองว่า “ลืมอะไรไป”


วันจันทร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔

กราบสวัสดีค่ะครู

                เสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมา กลับบ้านไปภาวนาที่วัดหลวงปู่ค่ะครู ก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนหลับตาเดิน แบบที่ครูจูงเดินมาตลอด พอที่ผ่านมาครูเริ่มให้ติ๋วฝึกเดินเอง โดยเพียงปล่อยมือแล้วเดินไปข้าง ๆ แต่ติ๋วมัวแต่ร้องไห้ เพราะกลัวที่ไม่ได้มีครูเดินจูงมืออีกต่อไป วันนี้อยู่ดี ๆ คำพูดว่า

“ดูตนเองเหมือนดูคนอื่น”

มันสะดุดกึก ตกหลุมลงไปในใจ

มาอ๋อกับตนเองว่า “ลืมไปตั้งนาน”

คำ ๆ นี้ได้ยินมาเป็นร้อย ๆ ครั้ง แต่เหมือนพึ่งจะชัดลงไปในใจ

ณ ตอนที่สภาวะมันเกิดย้อนเข้ามาเห็นตนเอง ไม่ใช่การทบทวนย้อนหลัง ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ เมื่อเช้า หรือ เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่เป็นการเห็น ๆ ตนเอง เคลื่อนไหวอยู่ มันก็ดำเนินไปปกติของการทำงาน อย่างเมื่อเช้าที่เห็นชัด ๆ ก็คือ ปกติของการ

“อาบน้ำ”   

แล้วมันก็ย้อนสอนตนเองว่า “สติ นี่แหละสติ มีสติดูตนเอง”

            เมื่อก่อนพอครูบอกว่า “ดูลม ติ๋วก็จะจ่อ ๆ ดูแค่ลม แป๊บ ๆ อึดอัด แล้วก็เตลิดไปทำอย่างอื่น” ยังสงสัยกับตนเองหลายคราว่า “ภาวนา คือ อะไร” ต้องนั่งหลับตา ต้องดู ลม ต้อง หายใจ

แต่ ณ ตอนนี้ที่รู้สึกกับตนเองคือ “ภาวนาคือ การเห็นตนเองค่ะครู” เมื่อก่อนเห็นแค่วับ ๆ แวม ๆ จะเห็นชัด ๆ ก็ตอนที่มีครูอยู่ด้วย หรือ ครูพาชี้ให้เห็น แต่ ณ ตอนนี้ เห็นตนเองอยู่ เห็นมันเคลื่อนไหว เห็นมันคิด พอคิด ๆ หนักเข้ามันก็มีแรงบีบในขมับ แล้วมันก็ดึงลมหายใจเข้าลึก ๆ แว๊บคิด ไม่ทันเห็นมันก็ลุกไปทำเสียแล้ว มารู้ตัวอีกทีก็คือ ทำเสร็จแล้วกลับมา ตอนนี้เห็นชัด ๆ แบบนี้ที่มั่นใจกับตนเองว่า “ภาวนา”

                จากที่ได้คุยกับครูเมื่อวาน รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วต้องขับรถต่อ มีพลัง ฮึดขึ้นมาทันทีกับข่าวดีที่ครูส่งมา ขอบพระคุณที่ให้โอกาสค่ะ ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอปฏิบัติบูชาแด่องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์” สิ่งที่ครูย้ำเพิ่มเติมกับติ๋ว “ให้ทำทานรักษาศีลด้วย ไม่งั้นมันจะภาวนายาก”

กลับมาบ้านหยิบมานึกย้อนกับตนเอง การทำทาน

ทานด้วยทรัพย์ที่เป็นเงิน ทำบ้างประปราย ตามโอกาส แต่ไม่มากนัก เพราะกำลังทรัพย์ไม่ค่อยมี ทานด้วยอาหาร ทำเป็นประจำ แทบไม่ขาด ทานด้วยแรงกาย ไม่ต้องพูดถึงค่ะครู “เต็มที่เต็มกำลัง อย่างมั่นใจว่า ที่สุดของการทำทานแห่งตนคือ ทานแรง ทานเต็มกำลังความสามารถและสติปัญญา”

ว่าด้วยเรื่องศีล อย่างหยาบที่สติพอนึกย้อนกับตนเองนั้น ก็เห็นจะครบถ้วน ไม่ฆ่า ไม่ลักทรัพย์ ไม่แย่งแฟน หรือ ยุแยงให้สามีภรรยาแตกแยก ไม่โกหก ไม่ดื่มเหล้า แต่ลึก ๆ ละเอียดลงไปว่าด้วยการเบียดเบียน ยังรู้สึกว่า มีอยู่คือ ทำให้พี่สาวลำบาก หรือบางทีก็คนที่มาปฏิสัมพันธ์ด้วยเหนื่อยเพราะความอึดของตนที่มีมาก พอคนอื่นมาร่วมหัวจมท้ายก็เลยดูจะเหนื่อยมาก ยังไม่สามารถควบคุมเรื่องความอึดแต่พอดีของตนได้ค่ะครู เพราะดูยังเมตตาตนเองและผู้อื่นไม่เป็นนักในจุดนี้ ว่าด้วยการลักทรัพย์ ขโมยเงิน ขโมยทรัพย์นั้นไม่ทำ แต่การหยิบจับของคนรู้จักนั้นยังง่ายอยู่ เพราะข้างในคิดว่า “ของพ่อ ของแม่ เหมือนของเรา ของพี่สาวก็เช่นกัน” จะโกหกคำโต นั้นไม่ทำ แต่บางคราตั้งใจไว้แล้วไม่ได้ทำ ยังมีอยู่ค่ะครู ดื่มเหล้าไม่ดื่ม แต่ความประมาทยังมีอยู่ตอนที่ขาดสติค่ะ มีเสียงถามตนเองอยู่ภายในว่า “ถ้ายังขับรถเดินทางติด ๆ กันยาว ๆ แบบนี้ ถ้าประมาทแป๊บเดียว ตายแน่” เข้าใจทุกข์ของคนมีรถแล้วเจ้าค่ะ  

หมายเลขบันทึก: 428819เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2011 12:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท