ในกระบวนถ่ายทอดเพื่อการนำไปสู่การจัดการความรู้นั้น
บุคลากรส่วนใหญ่
มักคาดหวังว่า
ผู้จำเป็นต้องใช้ความรู้ทุกคนที่ได้รับความรู้ไปแล้ว ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย
แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมในการความรู้ต่างๆที่ได้รับมา
ไม่ว่าจะเป็น
ที่เป็นอุปสรรคในการเริ่มต้นใช้และพัฒนาความรู้ที่ดูว่าน่าจะเหมาะสมดีแล้ว
ยังไม่ต้องไปกล่าวถึงความรู้ที่ยังต้องนำมาปรับใช้ ที่ต้อง
ที่คาดว่าอาจต้องการ “พี่เลี้ยง” และ “กำลังใจ” คอยดูแล จนกว่าทั้งทักษะและจิตใจจะกล้าแข็งพอ
เฉกเช่นเดียวกับการเจริญของเด็กในครรภ์มารดา ที่ต้องอยู่ในสภาพที่ดี แม้คลอดมาแล้วก็ยังต้องประคบประหงมดูแลมาโดยลำดับ จนกว่าจะเติบใหญ่ หากินได้ด้วยตนเอง
แต่..
ในกระบวนการทำงาน เรามักตั้งสมมติฐานว่า แค่ปฏิสนธิสมบูรณ์ดีแล้วก็ปล่อยเลย (แบบลูกกบลูกปลา) หรือพอคลอดดีแล้วก็ปล่อยเลย (แบบลูกจระเข้) ที่ในความเป็นจริงคนเราไม่ได้พร้อมขนาดนั้น
จึงน่าจะกลับมาทบทวนว่าเราควรจะต้องประคับประคองให้แต่ละคนผ่าน
ไปได้หรือยัง
ที่คาดว่าแต่ละคนคงจะพร้อมไม่เท่ากัน
แต่ก็ต้องระวัง....
หรือ.....
ที่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนในการจัดการความรู้ เพื่อการพัฒนาตนเองให้อยู่รอด และเจริญก้าวหน้าในโลกแห่งการแข่งขันในปัจจุบัน
ประเด็นนี้ได้กลายเป็นขีดจำกัดที่สำคัญมากในการพัฒนากลุ่มและเครือข่ายเกษตรกรในทุกระดับ
ไม่เว้นแม้แต่เครือข่ายปราชญ์ที่มีกลุ่มเริ่มต้นใหม่เปรยๆมากับผมว่า
ทำให้การขยายผลการทำงานเป็นไปอย่างเชื่องช้า วิ่งกลับไปกลับมา หรือวกวนอยู่ที่เดิม
มีการขยายผล และฝึกอบรมกันมากมาย แต่ผลที่ได้แตกต่างจากราคาคุยมากมาย
ที่คาดว่าจะเป็นข้อเสนอในแนวทางการปรับเปลี่ยนแผนและนโยบายเพื่อการพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และเกษตรยั่งยืนในทุกรูปแบบ
เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นจริงต่อไป
เรียนท่านอาจารย์แสวงที่เคารพ
กระผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์เต็มๆเลยครับผม เราฝ่าตรงนี้ไม่ได้กันส่วนมาก มันจึงมีแต่รูปถ่าย ที่หลังฉากและความเป็นจริง ไม่สวยงามเท่าที่ปรากฎในสื่ิอที่ออกมา สงสัยเราคงชอบโลกแห่งมายา มั้งครับ อิอิ
ด้วยความเคารพครับผม
นิสิต