แนวคิดจากการอ่านหนังสือ

"การอ่านทำให้เป็นคนโดยสมบูรณ์" ฟราสซิส เบคอน เคยกล่าวไว้อย่างนั้น ฉันเห็นจริงด้วยตามคำกล่าวที่ว่านี้

หนังสือแต่ละเล่มแฝงข้อคิดไว้ให้เราในนั้นเสมอ ขึ้นอยู่กับเราพลิกอ่านและพินิจพิเคราะห์หนังสือเล่มนั้นมากน้อยเพียงใด หนังสือบางเล่มเราอ่านเพียงครั้งเดียว บางครั้งเราอ่านไม่จบเล่มด้วยซ้ำ บางเล่มเราหยิบจับพลิกอ่านหลายครั้ง เพราะชอบใจในเนื้อหา บางเล่มแม้หน้าปกเรายังไม่แตะต้อง เพราะหน้าปกไม่ต้องตาต้องใจ

หากวันนี้เรายังมีโอกาสได้อ่านหนังสือ สามารถมองเห็นตัวอักษรได้ เราก็สามารถเก็บข้อมูลที่มีในหนังสือนั้นไปประยุกต์ใช้กับงาน กับชีวิตประจำวันได้ อาจเรียกได้ว่า  การอ่านหนังสือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสมองของเรา บางครั้งประโยคบางประโยคที่แฝงอยู่ในหนังสือนั้นตรงกับบางช่วงบางตอนของชีวิตเรา

การอ่านและการจดบันทึกในข้อมูลสำคัญของหนังสือที่เราอ่านเป็นการกันลืม บางครั้งเรื่องราวดีๆ ในหนังสือมีมากมาย และเราจำได้ในตอนนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวเข้ามาในสมองมากมายให้เราได้จำ การจดบันทึกข้อความดีๆ ไว้ ทำให้เราสามารถเปิดย้อนกลับนำข้อความเหล่านั้นมาใช้ได้เมื่อยามที่เราต้องการ ฉันเองก็มีการจดไว้ในสมุด เพราะคิดว่าประโยคเหล่านั้นดี ข้อความเหล่านั้นมีประโยชน์

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้่ว สมัยเรียนมัธยมปลาย มีโอกาสได้อ่านนวนิยายเรื่องปุลากง ของโสภาค สุวรรณ อ่านแล้วชอบ เพราะมีประโยคที่คมคาย ตรงกับช่วงตอนของชีวิตใน ณ ขณะนั้น "โลกจะน่าอยู่มากกว่านี้ ถ้าเราพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี...ครั้งแรก อาจจะยากอยู่สักนิด ต่อไปจะง่ายขึ้นทุกที โลกไม่ได้มีเราสองคนที่จะเป็นเพื่อนกัน แต่มีคนอีกนับร้อยนับพันที่เราจะต้องติดตามเป็นเพื่อนกับเขา ความอดทนและจิตใจที่มั่นคงเท่านั้นที่จะช่วยให้นายอยู่รอด" 

ทุกวันนี้ฉันยังอ่านและจดบันทึกอยู่เสมอ มีประโยคมากมายในสมุดบันทึก

ฉันอยากให้เยาวชนไทยหันมาเพิ่มมูลค่าให้สมองของตนเองด้วยการอ่านหนังสือ

[เอ]

ยาก อ่านหนังสือ