วิธีวิทยาการวิจัยขั้นนำ
ภาณุ อดกลั้น
การดำเนินการวิจัยที่ได้มาตรฐานต้องมีความรอบรู้ในประเด็นต่างๆดังนี้
๑. กำหนดปัญหา และขอบเขตการวิจัย
๑.๑ เลือกหัวข้อวิจัย
๑) จาก ประสบการณ์/งานที่ปฎิบัติ/สาเหตุที่เกิดขึ้น/แนวทางแก้ไข
รายละเอียดของปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น/ผลที่เกิดขึ้น/แนวทางแก้ไข
๒) ทบทวนวรรณกรรม
๓) ประเด็นทางสังคม
๔) ตรวจสอบทฤษฎี
๕) จากแหล่งภายนอก/แหล่งทุน
๑.๒ กำหนดขอบเขตหัวข้อวิจัยให้แคบลง
๑.๓ ประเมินปัญหาการวิจัย
เวลาเพียงพอ
การได้มาซึ่งกลุ่มตัวอย่าง
ความร่วมมือจากผู้อื่น
งบประมาณเพียงพอ
การวัดตัวแปร/การเก็บข้อมูล
ประสบการณ์ของนักวิจัย
ไม่ขัดหลักจริยธรรม
ไม่ซ้ำซ้อนกับวิจัยอื่นๆ
๒. ทบทวนวรรณกรรม
④ วิจัยในประเทศ (ไม่เกิน 5 ปี)
⑤ วิจัยต่างประเทศ (ไม่เกิน ๑๐ ปี)
๓. กำหนดกรอบแนวคิด/ทฤษฎีในการวิจัย
⑥ อุปมาน(Inductive)หาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์เพื่อสรุปเป็นทฤษฎีใหม่
⑦ อนุมาน(Deductive)ศึกษาปรากฏการณ์เป็นไปตามทฤษฎีหรือไม่
๔. กำหนดตัวแปร
⑧ ตัวแปรเชิงปริมาณ/เชิงคุณภาพ
Qualitative
Quantitative
⑨ ตัวแปรต้น/ตัวแปรตาม
Independent V.
Dependence V.
⑩ ตัวแปรชนิดอื่นๆ
ตัวแปรควบคุม(control)
ตัวแปรภายนอก(extraneous)
ตัวแปรรบกวน(confounding)
๕. ตั้งสมมติฐาน
⑪ สมมติฐานการวิจัย(ปรากฎการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น)
เกี่ยวข้องกับปัญหา(Relevance)
มีขอบเขต(Scope) รัดกุม
มีความสัมพันธ์(Relationship) เป็นเหตุเป็นผล
ทดสอบได้(Testability)
ทดสอบซ้ำได้(Repeatability)
สรุปอ้างอิงได้(Generalization)
⑫ สมมติฐานทางสถิติ(ทดสอบสมมติฐานที่ผู้วิจัยตั้งว่าจริงหรือเท็จ)
สมมติฐานไม่มีความสัมพันธ์(null hypothesis)
สมมติฐานมีความสัมพันธ์(Alternative Hypothesis)
๖. ออกแบบการวิจัย
⑬ วิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research) มี ๓ กลุ่ม
non-experiment ๑)survey ๒) descriptive ๓)correlation
experiment ๑) pre-experiment ๒) quasi-experiment ๓) comparative
experiment ๔) true experiment
others ๑) meta analysis ๒) secondary data analysis ๓) methodological
⑭ วิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) มี ๓ กลุ่ม
ปรากฏการณ์วิทยา
ทฤษฏีพื้นฐาน
ชาติพันธ์วรรณนา
⑮ วิจัยแบบผสม(Mixed Research)
๗.สร้าง/พัฒนาเครื่องมือ
⑯ สร้างเครื่องมือ(กรณีไม่มี)
⑰ พัฒนาเครื่องมือ(กรณีมีเครื่องมือมาตรฐาน หรือผู้อื่นสร้างไว้แล้ว)
๘. กำหนดกลุ่มประชากร/เลือกกลุ่มตัวอย่าง
⑱ sampling technique
ใช้ความน่าจะเป็น(Probability) มี ๕ วิธี
๑) สุมแบบง่าย(Simple Random Sampling) เช่น จับฉลาก/สุ่มแบบแทนที่/สุ่มแบบไม่แทนที่/ใช้ตารางเลขสุ่ม/ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
๒) สุมแบบมีระบบ(Systematic Random Sampling)
๓) สุมแบบแบ่งชั้น(Stratified Random Sampling) โดย ใช้สัดส่วนประชากรแต่ละชั้น(กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่) และ ไม่ใช้สัดส่วนประชากรแต่ละชั้น(กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก)
๔) สุมแบบกลุ่ม(Cluster Sampling)
๕) สุมแบบหลายขั้นตอน(Multi-stage Sampling)
ไม่ใช้ความน่าจะเป็น(Non-Probability) มี ๔ วิธี
๑) แบบบังเอิญ(Convenience)
๒) แบบเจาะจง(Purposive)
๓) แบบโควต้า(Quota)
๔) แบบบอกต่อ(snowball)
⑲ sample size
ใช้ตารางสำเร็จ(Yamane,Morgan)
คำนวณโดยใช้สูตร(Morgan, บุญธรรม)
วิเคราะห์อำนาจทดสอบ ๑) เปิดตารางอำนาจจำแนก ๒) ใช้โปรแกรม PASS(power analysis of sample size)
๙. เก็บรวบรวมข้อมูล
⑳ รายงานตนเอง(Self Reports)
แบบสอบถาม(Questions) ๑) แบบสอบถามปลายเปิด ๒) แบบสอบถามปลายปิด เช่น
checklist / Rank Order/ Rating Questions / Likert Scale / Sematic Differential Scale / Visual Analog Scale(VAS)
⑳ สัมภาษณ์(Interview)
ไม่มีโครงสร้าง ๑) สัมภาษณ์เชิงลึก(Indepth Interview) ๒) สนทนากลุ่ม(Focus Group Interview)
กึ่งโครงสร้าง
มีโครงสร้าง
⑳ สังเกต(Observation)
สังเกตแบบมีส่วนร่วม(Participact Observation)
สังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non - Participact Observation)
⑳ การวัดทางชีวสรีรวิทยา(Biophysiology Measures)
วัดในสิ่งมีชีวิต(In Vivo)
วัดในห้องทดลอง(In Vitro)
๑๐. ตรวจสอบ/เตรียมข้อมลเพื่อวิเคราะห์
⑳ ตรวจสอบเครื่องมือ
ใช้ผู้ทรงคุณวุฒิ
ใช้กลุ่มเป้าหมายที่พูดได้ทั้ง ๒ ภาษา
ศึกษานำร่อง
ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่
⑳ วิเคราะห์เครื่องมือ
ตรวจสอบความทัดเทียม(Equivaience)ของเครื่องมือ ๑) เนื้อหา(Content) ๒) ความหมาย(Semantic) ๓) เทคนิค(Technical) ๔) เกณฑ์(Criterion) ๕) มโนทัศน์(Conceptual)
คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา
เทคนิคในการแปลเครื่องมือ ๑) แปลไปข้างหน้า(Forward Translation) ๒) แปลโดยคณะกรรมการ(Commitee Translation) ๓) แปลย้อนหลัง(Back Translation) ทำ ๒ วิธี คือ แปลโดยผู้เชี่ยวชาญ ๒ คน ทั้ง ฉบับ และ แปลโดยผู้เชี่ยวชาญ ๒ คน คนละครึ่งฉบับ
⑳ เตรียมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์
ตรวจสอบข้อมูลดิบ(data editing)
การให้รหัสข้อมูล(data coding)
การบันทึกข้อมูล(data entry)
ตรวจสอบข้อมูลที่บันทึก(data screening)
๑๑. วิเคราะห์ข้อมูล/แปลผล
⑳ สถิติในการวิเคราะห์
วิเคราะห์เชิงพรรณนา(Descriptive Analysis)
สถิติแจกแจงข้อมูล(ความถี่ ร้อยละ)
สถิติวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง(ค่าเฉลี่ย ฐานนิยม)
สถิติการกระจายข้อมูล(ความแปรปรวน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
⑳ สถิติอ้างอิง
parametric statistics ๑) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเพื่อหาความแตกต่างระหว่างกลุ่ม(t-test, ANOVA) ๒) หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร(Chi Square, Regression)
non-parametric statistics
⑳ การแปลผลที่ใช้บ่อย
ความรู้ ๑) ความรู้รายข้อ ๒) ระดับความรู้
ประเมินค่า ๑) ระดับความรู้รวม ๒) แบ่งกลุ่มความรู้
วัดการปฏิบัติ ๑) ทักษะปฏิบัติ(คล่อง ว่องไว) ๒) พฤติกรรมการปฏิบัติ(ตั้งใจ สนใจ)
ผลการปฏิบัติ(เรียบร้อย สวยงาม)
⑳ เปรียบเทียบค่าเฉลี่ย
กลุ่มเปรียบเทียบอิสระต่อกัน
กลุ่มเปรียบเทียบสัมพันธ์กัน
⑳ วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว(คล้าย t-test ต่างที่ตัวแปรอิสระมากกว่า ๒ กลุ่ม)
⑳ วิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง ควบคุมตัวแปรอิสระ ๑ ตัว โดยสนใจปฏิสัมพันธ์ร่วมของตัวแปรอิสระ)
⑳ วิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม นำตัวแปรอิสระมาควบคุมสลับกัน และตัวแปรอิสระมีการวัดเป็นแบบกลุ่ม)
⑳ วิเคราะห์ด้วย Chi Square(วิเคราะห์ความสัมพันธ์ใช้กับตัวแปรอิสระกับตัวแปรตามที่วัดในระดับแบ่งกลุ่ม)
⑳ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ๑) สัมพันธ์กันหรือไม่ ๒) สัมพันธ์กันในลักษณะใด ๓) สัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด
⑳ วิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ๑) ตัวแปรอิสระใดบ้างที่มีผลต่อตัวแปรตาม ๒) ตัวแปรอิสระมีอิทธิพลต่อตัวแปรตามมากน้อยเรียงกันตามลำดับอย่างไร
⑳ วิเคราะห์การจำแนก คัดเลือกตัวแปรอิสระให้เป็นกลุ่มๆที่มีผลต่อตัวแปรตาม
๑๒. เขียนรายงาน เผยแพร่
⑳ เขียนรายงาน
สรุปผล(ต้องตอบโจทย์วิจัย วัตถุประสงค์การวิจัยได้ทั้งหมด)
อภิปรายผล(นำสมมติฐาน ทฤษฏี ข้อเท็จจริงที่พบแล้ว และผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องมาอธิบายผลการวิจัย)
ข้อเสนอแนะ ๑) การนำผลการวิจัยไปใช้ ๒) การทำวิจัยในครั้งต่อไป
⑳ เผยแพร่
ตรวจสอบต้นฉบับ และจัดพิมพ์รูปเล่ม
นำเสนอในวารสาร หรือ นำเสนอด้วยตนเองในรูปแบบ poster & oral presentation
ไม่มีความเห็น