หัดคิดเป็นอื่น
คิดเป็นอื่น ในความหมายก็คือ การฝึกคิดว่า สิ่งที่มีอยู่นั้น นอกจากเป็นตามมุมมองที่คนปกติมองแล้ว เราสามารถคิดว่ามันเป็นอย่างอื่นได้ด้วยหรือเปล่า
โดยทั่วไป คนเรามีแนวโน้มที่จะคิดในแบบที่เราเคยชิน ดังนั้นการหัดคิดว่า สิ่งที่เป็นอยู่สามารถเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีกหรือเปล่า จึงต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับการคิดและการแก้ปัญหาที่วิธีคิดปกติไม่สามารถแก้ได้
วิธีคิดวิธีหนึ่งที่แม่เป็นคนสอนตอนเรียนประถมก็คือ การทดลองปลูกถั่วเขียวแล้วทำรายงานถึงการเปลี่ยนแปลงของถั่วเขียว เมื่อกลับถึงบ้านก็เริ่มเพาะถั่วเขียวโดยมีแม่เป็นผู้ช่วยจัดการหาถั่วเขียวมาให้ใช้เพาะทดลอง ในช่วงแรก ๆ บังเอิญแม่เดินผ่านขณะที่ผมทำรายงานดูความเปลี่ยนแปลงของถั่วพอดี แม่เห็นกำลังตีตารางในสมุด แบ่งออกเป็นช่อง ๆ ช่องแรกเป็นช่องบันทึกจำนวนวันที่ผ่านไป ช่องที่ 2 เป็นคำบรรยายว่าถั่วที่เพาะมีลักษณะอย่างไร แล้วแม่ก็ถามว่า “ไม่มีช่องสำหรับวาดรูปด้วยหล่ะ” ก็ตอบแม่ไปว่า “ครูบอกแค่ให้ลงวันที่ และเขียนบรรยายนี่ค่ะ” “แต่ครูก็ไม่ได้ห้ามลูกวาดรูปประกอบนี่ วาดรูปถั่วประกอบคำบรรยายน่าจะทำให้คุณครูเห็นภาพได้ดีนะ” เออ... นั่นสินะ ถ้าเราสามารถสร้างผลงานให้ดีกว่าคนอื่นได้ ทำไมเราไม่ทำหล่ะ
ตอนที่ได้รับรายงานกลับคืนมา คุณครูให้เอารายงานฉบับนั้นไปโชว์ให้เพื่อนร่วมห้องดูด้วย แล้วบอกว่านี่เป็นรายงานที่ดีและแปลกแหวกแนวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และแน่นอนว่ารายงานนี้ทำให้ได้คะแนนเต็ม นั่นเป็นตัวจุดประกายให้คิดแบบเป็นอื่น
การที่เด็กคนหนึ่งถูกครูเรียกออกไปชมหน้าชั้นเรียน เป็นการสอนและตอกย้ำเด็กคนนั้นว่า การคิดอะไรใหม่ขึ้นมาไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ตรงกันข้ามการทำอะไรใหม่ ๆ ส่งผลให้เราได้ผลงานที่ดีและโดดเด่นกว่าเดิม
สิ่งที่อยากจะสรุปให้ฟังก็คือ การฝึกคิดนอกกรอบ ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์หลาย ๆ อย่างมาเสริมกันอาจต้องการคำแนะนำของผู้ใหญ่หลาย ๆ คน เกิดจากการเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงจะทำให้เราหัดคิดแบบนั้นได้
ไม่มีความเห็น