นวัตกรรมการศึกษาที่พอเพียง
Sufficient Educational Innovation
By Kannika Dulpheree
สังคมโลกาภิวัตน์ (Globalization) ได้เชื่อมโยงส่วนต่างๆ ของโลกเข้าเป็นหนึ่งเดียวด้วยระบบข้อมูลข่าวสารที่ส่งถึงกันภายในเสี้ยววินาที แม้อยู่คนละซีกโลก นวัตกรรมการสื่อสารที่ทันสมัยจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์อย่างไม่หยุดยั่ง
นวัตกรรม (Innovation) ที่แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับจึงกลายเป็นเทคโนโลยี (Technology) เทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคหนึ่งอาจกลายเป็นเศษวัสดุ
ที่ไร้ค่าในยุคต่อไป...นี่คือสัจธรรมของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม
ไร้พรมแดน สังคมที่ต่างแข่งขันกันสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่ อำนวยความสะดวกให้มนุษย์ในทุกย่างก้าวของชีวิต จนบางครั้งลืมคำนึงถึงคำว่า “พอเพียง” ต่างรังสรรค์ความศิวิไลท์จนเกินความพอดี กลายเป็นความฟุ้งเฟ้อ เพียงเพื่อให้ตนเองไม่ตกยุค หรือตกเทรน (Train) ตามสมัยนิยม ซึ่งเห็นได้จากทุกแวดวง แม้แต่วงการศึกษา ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นวงการที่มีระบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษา (Resources Management) ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดก็ตาม เพราะคำว่านวัตกรรมกับคำว่าฟุ่มเฟือยมีเพียงเส้นบางๆ ที่ขีดคั่น ถ้าการนำนวัตกรรมที่เป็นวัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการใหม่ ๆ มาใช้ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณและเวลาที่เสียไป เช่น การนำเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมวัสดุอุปกรณ์ ราคาหลายหมื่นบาทมาใช้แทนเครื่องพิมพ์ดีด ราคาไม่ถึงห้าพันบาท หรือใช้แทนเครื่องเสียงสำหรับความบันเทิง หรือเพื่อตอบสนองความต้องการ เฉพาะเรื่อง เหล่านี้เป็นต้น ย่อมเกิดการสูญเปล่าทางทรัพยากรอย่างยิ่ง แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดยังไม่สิ้นเปลืองเท่าการจัดซื้อคอมพิวเตอร์มาไว้เพียงเพื่อต้องการใช้งบประมาณให้หมดก่อนที่จะถูกตัดเมื่อสิ้นปีงบประมาณ และคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์
เนื่องจากมีจำนวนมากเกินความจำเป็น ซึ่งมีให้เห็นในโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณมาก จะเห็นได้ว่ามีห้องคอมพิวเตอร์หลายห้องแต่จำนวนบุคลากรในการสอนมีจำนวนจำกัด และห้องคอมพิวเตอร์ที่มากเกินความจำเป็นก็ไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์
เป็นต้น
แม้ว่าการนำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ในการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนอกจากเกิดประโยชน์ในแง่ของความสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังเกิดคุณค่าด้านการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้ก้าวทันโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (Life Long Learning) แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และความพอเพียง ในการจัดการนวัตกรรม และเทคโนโลยี
หลักสำคัญในการใช้นวัตกรรมให้คุ้มค่า และพอเพียงอยู่ที่ทรัพยากรมนุษย์
ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้ใช้ ดังนั้นการใช้นวัตกรรมการศึกษาที่พอเพียง อันดับแรกควรเริ่มที่การพัฒนาบุคลากรให้เป็นผู้ใฝ่รู้และมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม การใช้นวัตกรรมที่คุ้มค่า ไม่เพียงแต่ส่งผลดีทางด้านงบประมาณหรือเวลาที่ใช้ไปเท่านั้น ยังหมายถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี รู้จักการบำรุงรักษา การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ใหม่ ๆ เปิดใจรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ไม่ลืมท้องถิ่น ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่ดีของไทยที่สืบทอดกันมาหลายอายุคน มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต
เทคโนโลยีทางการศึกษาแม้เพียงเล็กน้อย หากรู้จักใช้สอยให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า ก็มีคุณค่ามากกว่าเทคโนโลยีที่มีจำนวนมากมายมหาสาร แต่ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มตามศักยภาพ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะให้ความสำคัญ และตระหนักถึงความพอเพียงในการจัดซื้อ จัดหา สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ลองหันมาสำรวจเทคโนโลยีที่มีอยู่ใกล้ตัวเราว่าได้ใช้อย่างคุ้มค่าหรือยัง ก่อนที่จะสั่งซื้อชิ้นใหม่ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักในเรื่องนี้ สังคมไทยคงไม่เกิดช่องว่างทางการศึกษาระหว่างผู้ที่เรียกตนเองว่ามีความพร้อมในการจัดการศึกษา กับผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา จนเกิดเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งผลต่อปัญหาสังคมด้านอื่นๆ ตามมา
ผู้เขียนอยากเห็นสังคมไทยเกิดนวัตกรรมทางความคิดที่แปลกใหม่ ที่สอดรับกับยุคปัจจุบัน นั่นคือ “การใช้นวัตกรรมบนพื้นฐานความพอดี และพอเพียง”
เห็นด้วยครับ ว่าต้องพอเพียง หลายอย่างไม่ต้องซื้อครับ อย่างเช่น gotoknow สามารถนำไปปรับใช้ได้นะครับ