ปัญหาของโลกปัจจุบัน มีความหลากหลาย ไม่ว่าด้าน ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เอง หรือเรื่อง ปัญหาด้านทรัพยากร (ธรรมชาติ)และสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายและเสื่อมโทรมลง อันมีผลมาจากกระบวนการผลิตของทฤษฎีการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีการซ่อนเร้นสิ่งที่น่ากลัวไว้ ไม่แสดงความจริงทาง สมการ ออกมา เพราะจะไม่บรรลุความเป็น “ทุนนิยม” ที่มุ่งหวังกำไรให้มากที่สุด ที่สำคัญ ในความหมายทับซ้อนในระบบการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์ เป็นได้แค่เพียง “ต้นทุนการผลิต..เท่านั้นเอง”
ทฤษฏีการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ทั่วไป
Q = f ( K,L )
เมื่อ Q = ผลผลิต (สินค้า)
K = ทุน ( ที่ดิน, เงิน, ทรัพยากร )
L = แรงงาน ( คน )
ทฤษฏีการผลิตทางพุทธเศรษฐศาสตร์
( Q,W ) = f ( K,L )
เมื่อ Q = ผลผลิต (สินค้า)
W = ผลผลิต
f = ความสัมพันธ์ในการผลิต
K = ทุน
L = แรงงาน
จากสมการทฤษฎีการผลิตของเศรษฐศาสตร์ทั่วไปกับทฤษฎี การผลิตของพุทธเศรษฐศาสตร์มีความต่างกันอยู่ที่ W คือของเสีย ถ้าพูดถึงหลักของ ถ้าพูดถึงหลักของทางเศรษฐศาสตร์ทั่วไปที่เราเรียน สมการที่มี W อยู่ด้วยไม่เคยปรากฏมาแต่ พุทธเศรษฐศาสตร์ ให้ความสำคัญมาก และต้องการให้เกิดน้อยที่สุด เพราะ W หรือของเสียจะเป็นตัว (การ) ที่กลับมาทำลายมนุษย์และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็นทวีคุณ สิ่งที่พุทธเศรษฐศาสตร์ ให้ความสำคัญและพูดถึงมากคือ ทรัพยากร ที่เข้าสู่กระบวนการผลิต ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.ทรัพยากรมนุษย์(สมอง)
2.ทรัพยากรที่มนุษย์สร้างขึ้น (ทุน เทคโนโลยี)
3.ทรัพยากรมนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้น (พลังงาน,อื่นๆ)
กระบวนการผลิตทั้งหมด ใช้ "ปัญญา" ควบคุมการผลิต ในทฤษฎีการผลิต พุทธเศรษฐศาสตร์จะมีการสะสมทุน ทางปัญญา เป็นระบบ "ปัญญา"นิยม และจุดมุ่งหมายของ "พุทธเศรษฐศาสตร์" คือการบริโภค ควรเป็นการบริโภคเพื่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติที่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับชีวิต (อาหารจากธรรมชาติ เช่น ผัก ปลาฯ) จึงต้องเอาปัญญาไปกำกับ เพื่อให้มีการบริโภคแต่พอเพียงไม่บริโภคเพื่อสะสม ซึ่งการบริโภคมากเกิน ความต้องการของร่างกายทำให้เกิดปัญหา ใช้ทรัพยากรไปในการดูแลรักษาและแก้ไขไม่รู้จบ ถ้าเราไม่คำนุงถึง แนวคิดของพุทธเศรษฐศาสตร์ที่ว่า "การบริโภคที่ดีที่สุดคือการบริโภคแต่พอดี"
ไม่มีความเห็น