หน้าแรก
สมาชิก
บุษยมาศ
สมุด
ประสบการณ์ชีวิตขอ...
ตอน ช่วงรอยต่อเม...
บุษยมาศ
บุษยมาศ แสงเงิน
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ตอน ช่วงรอยต่อเมื่อเรียนจบ ม.ศ.5
ตอน ช่วงรอยต่อเมื่อเรียนจบ ม.ศ.5
ตอน ช่วงรอยต่อเมื่อเรียนจบ ม.ศ.5
การเรียนจบ ม.ศ. 5 ก็คือ...การเรียนจบ ชั้น ม.6 ในสมัยปัจจุบันนี้...ในสมัยก่อนชั้นประถมศึกษาจะมีชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 7 และต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 (เรียกว่ามัธยมศึกษาต้อนต้น)...และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 5 (เรียกว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย)...หลังจากที่แม่ให้ผู้เขียนกลับมาเรียนต่อที่
“พิโลก” “พิษโลก” หรือพิษณุโลก เป็นชื่อจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่ง
ถ้าเป็นคนพิษณุโลกที่แท้จริง เขาจะเรียก 2 คำแรก
แสดงให้เห็นว่า
เป็นคนจังหวัดนี้แท้ ๆ ...
แม่พาผู้เขียนไปสมัครเรียนต่อที่วิทยาลัยพิษณุโลก (บึงพระ) โดยสอบเข้าเรียนเอกบัญชี...แต่อาจารย์กลับให้ผู้เขียนไปเรียนเอกการเลขานุการ...ผู้เขียนสงสัยว่า เอ! ทำไมเอาเราไปเรียนเลขานุการล่ะ!...เพราะคนที่เรียนเลขานุการ จะต้องเป็นคนสวย หุ่นดี ผอม บาง รูปร่างสูงโปร่ง เหมาะกับการเป็นหน้าห้องของผู้อำนวยการหรือผู้จัดการมากกว่า...มีเพื่อนบอกผู้เขียนว่า สงสัยอาจารย์เห็นเธอสวยมั้ง...555555555555555...ผู้เขียนก็เลยต้องเรียนเอกการเลขานุการทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจเรียน...และก็เก็บความสงสัยมาจนถึงปัจจุบันนี้...
ในตอนแรกผู้เขียนก็ได้แต่ งง งง...
เอาไงดีล่ะ!...
จบมาทางวิทย์ – คณิต ไม่เคยเรียนพิมพ์ดีดภาษาไทย – อังกฤษ มาสักอย่าง จะเรียนไปกันไหวไหมเนี่ย!...
เพราะผู้เขียนเข็ดกับการเรียนผิดทางมาตั้งแต่ ม.ศ. 5 แล้ว...
อาจารย์บอกว่า ให้เรียนไปก่อน ลองดูในเทอมแรก...วิชาที่ต้องเรียน คือ วิชาชวเลข ซึ่งตอนนั้นมี 2 แบบ คือ แบบ Picman กับ เกรก…สำหรับผู้เขียนได้เรียนแบบเกรก (โดยใช้ปากกาจด) สำหรับ Picman ใช้ดินสอเขียน...มีผู้ทำสถิติไว้ว่า แบบ Picman จะชนะแบบเกรก อาจเป็นเพราะใช้ดินสอจดทำให้น้ำหนักในการจดเบากว่า เมื่อถึงเวลาถอดรหัสออกมาทำให้การใช้เวลาของ Picman ได้เร็วกว่าแบบเกรก...ในเทอมแรกผู้เขียนก็ได้ลงวิชาเรียนตามปกติ...และวิชาที่อึดอัด คือ วิชาพิมพ์ดีดภาษาไทย...ทำไงดีล่ะ! จะเอาเครื่องพิมพ์ดีดที่ไหนมาลองหัดพิมพ์เพื่อให้เกิดความคล่อง เร็ว แม่นยำ เมื่อยามที่ปลายนิ้วมือวางอยู่บนแป้นพิมพ์ดีดได้ล่ะ!...จะให้แม่ซื้อให้ หรือก็สงสารแม่ เพราะแม่ก็ไม่ค่อยมีเงิน...
ความคิดแว่บขึ้นมาในหัว...เอาอย่างนี้ดีกว่า...ไปขอเรียนกับอาจารย์ที่เขาสอนวิชาพิมพ์ดีด ถ้าเห็นเครื่องไหนว่างก็ไปขอเขาเรียนในชั่วโมงที่เราไม่มีเรียน เพราะการเรียนในสมัยนั้นการลงทะเบียนแล้วแต่วิชาที่เราจะลง บางชั่วโมงก็ไม่มีเรียน เรียกว่า
“เดินเรียน”...
ผลปรากฏว่า อาจารย์อนุญาตให้ผู้เขียนเข้าฝึกพิมพ์ได้...
แต่มีข้อแม้ว่า
ถ้าครูกำลังสอนนักศึกษาคนอื่นอยู่แล้วสั่งให้พวกเขาพิมพ์ ผู้เขียนถึงจะหัดพิมพ์ได้ แต่เวลาครูบอกเพื่อน ๆ ว่าให้ “หยุด”
ผู้เขียนก็จะต้องหยุดพิมพ์ด้วย ห้ามมีเสียง...
ผู้เขียนตอบเสียงใสพร้อมกับความดีใจว่า
“
ค่ะ”...
น
ับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชั่วโมงใดที่ผู้เขียนไม่มีเรียน ผู้เขียนจะขึ้นไปหัดพิมพ์ดีดกับอาจารย์...เรียกว่าจากคนที่ไม่เคยพิมพ์ดีดเลย ในครั้งแรกพิมพ์แรงเกินไป ปลายนิ้วจิ้มเข้าไปในซอกแป้นอักษร...5555555555...สำหรับคนที่หัดใหม่ ๆ จะโดนเกือบทุกคน...แล้วเสียงเครื่องพิมพ์ดีดสมัยก่อน
เวลาพิมพ์
ถ้า
ไม่รัวเป็นข้าวตอกแตก
เ
รียกว่า
“ไปหัดพิมพ์ใหม่ได้เลย”
พิมพ์สัมผัสไม่เป็นหรอก...ผู้เขียนฝึกกับอาจารย์ในเทอมแรก จากคนที่พิมพ์ดีดไม่เป็น ไม่รู้จักแป้นพิมพ์ ไม่รู้ว่านิ้วไหนวางตรงอักษรตัวใด...กลับกลายเป็นคนที่พิมพ์สัมผัสได้ พิมพ์เร็ว พิมพ์คล่อง เวลาอาจารย์ทดสอบ...เก็บคะแนน สอบปลายภาค คว้า A มาทุกเทอม...
ตอนนั้นเมื่อจับเวลา จะได้ประมาณ 45 - 50 คำต่อนาที สำหรับพิมพ์ดีดภาษาไทย โดยไม่ผิดแม้แต่เคาะเดียว...สำหรับภาษาอังกฤษจะจับเวลาได้ประมาณ 50 -55 คำต่อนาที โดยไม่ผิดแม้แต่เคาะเดียวเช่นกัน...
ไม่ว่าแม่แต่การถอดบทความโดยการจดชวเลขแบบเกรก ผู้เขียนสามารถจดชวเลขแล้วนำมาถอดบทความลงบนเครื่องพิมพ์ดีด ก็สามารถจดได้ชนะ Picman ซึ่งอาจารย์ก็งง บอกว่า ทำได้อย่างไร?...อยากบอกว่า
.
..”มันมีเทคนิคค่ะ”...
อิอิอิ...
ในระหว่างการจด + ความจำของสมองว่า เราจดตัวหมายความว่าอะไร?...เรียกว่า เป็นความจำส่วนบุคคล...ไม่เห็นต้องจดให้มากเกินไปหรอก...เวลาถอดเราก็ถอดจากความจำของเราสิ...
แค่นี้ ก็ชนะแล้ว...5555555555...
ผลสุดท้าย ไม่ว่า วิชาชวเลข วิชาพิมพ์ดีดภาษาไทย - พิมพ์ดีดภาษาอังกฤษ ผู้เขียนได้เกรด A หมด...ทำให้รู้สึกว่า...สามารถเรียก "ขวัญและความรู้สึก" ในครั้งเมื่อเรียน ม.ศ. 5 (ซึ่งเรียนผิดทาง)...กลับคืนมาได้
.
..เอ!...เราก็ทำได้นี่ สิ่งเหล่านี้ เราไม่เคยเรียนเลย แต่เราก็ทำได้...มันขึ้นอยู่กับความสามารถ + ความพยายาม + ความอดทน + การหมั่นฝึกฝนความชำนาญของตัวเรานี่นา...
สมัยนั้น เมื่อนักเรียนเรียนจบชั้น ม.ศ. 5 กันแล้ว จะมีการเปิดสอน คือ การรับช่วงเมื่อนักเรียนเรียนจบ ม.ศ. 5 แต่ถ้าไม่ต้องการไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย หรือสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็จะมีการสอบเรียนต่ออีก 2 ปี คือ เมื่อจบจะได้รับวุฒิ ปวท. ซึ่งเป็นวุฒิที่อยู่ระหว่าง ปวช. กับ ปวส. การที่รัฐจ้างเงินเดือนก็จะไม่เท่ากันเพราะเวลาในการเรียนแตกต่างกัน...
สุดท้ายผู้เขียนก็เรียนจบ ปวท. เอกเลขานุการ ซึ่งเทียบได้ ก็คือ อนุปริญญา เท่ากับวุฒิ ปวส. ยกเว้นเงินเดือนถ้าได้รับจะไม่เท่ากัน...จากวิทยาลัยพิษณุโลก (บึงพระ)...จบออกมาได้เพียง 2 เดือน ก็สมัครสอบเข้าทำงานที่สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ตำแหน่งพนักงานการเงิน...โดยเป็นลูกจ้างประจำ...ในการสอบครั้งนั้น ผู้เขียนก็มีความมั่นใจว่าต้องสอบได้แน่ ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด...แต่ทราบในใจว่า
“
ตัวเราต้องได้”...คล้าย ๆ กับมีเซนต์บอกว่า "ได้"...
แ
ล้วก็เป็นจริง ผลประกาศออกมา ผู้เขียนสอบได้ มีงานทำอยู่ใกล้บ้าน พ่อ – แม่ ก็ดีใจที่เรียนจบแล้วมีงานทำ สมัยนั้น คนที่จบ ปวท. ปวส. ก็บุญโขแล้ว วุฒิปริญญาตรี จะมีคนเรียนน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ต้องการทำงานให้ได้ก่อน แล้วจึงจะเรียนต่ออีกครั้ง...แม้แต่การสอบบรรจุเป็นข้าราชการของสำนักงาน ก.พ. ยังรับคนเข้ารับราชการด้วยการจบวุฒิการศึกษา ปวช. เท่ากับระดับ 1 และวุฒิ ปวท.และ ปวส. เท่ากับระดับ 2 ซึ่งการรับบรรจุวุฒิปริญญาตรี เท่ากับระดับ 3 มีน้อยมาก...เพราะสมัยนั้น อาจเป็นที่สภาพเศรษฐกิจ สังคมไทย จะไม่ได้รับการพัฒนามากเท่ากับปัจจุบันนี้...โดยสมัยนี้ มีการให้กู้ยืมเงิน กยศ. เพื่อเรียนต่อให้ถึงระดับปริญญาตรีแล้วค่อยมาผ่อนส่งใช้รัฐบาลคืนตอนทำงานได้แล้ว...จึงนับได้ว่าเป็นโอกาสของเด็กรุ่นใหม่ก็ว่าได้...
การเรียนพิมพ์ดีดในสมัยก่อน
ค่านิยมของคนทั่ว ๆ ไป
มักจะคิดว่า...
เมื่อจบจากการเรียนพิมพ์ดีดแล้ว...การทำงาน ก็เป็นเพียง
เสมียนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น...
มีคนรู้ถึงเรื่องในอนาคตสักกี่คน?...
ว่า...ไม่ใช่เป็นแบบที่คนรุ่นก่อนคิดหรอก...เพราะปัจจุบันนี้
ยิ่งใครพิมพ์ดีด หรือพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้สัมผัส หรือเรียกว่า
พิมพ์สัมผัสคอมพิวเตอร์ ได้ดี ได้เร็วเท่าไร?...จะแสดงให้เห็นถึง
ความมีคุณภาพในการทำงานได้เร็ว...เราสามารถทำได้เอง
ทำงานได้หลายอย่าง...ไม่จำเป็นต้องให้ลูกน้องทำหรอก...
ตัวเราเองก็ทำได้ พิมพ์ได้
เรียกว่า "
เบ็ดเสร็จในคน ๆ เดียว"...
นี่คือ...
ข้อดีของการพิมพ์ดีดสัมผัสเป็นมาจากในสมัยนั้น...
อ่านประสบการณ์ชีวิตของการทำงาน "รับราชการ"
ทุกฉบับ ได้จากที่นี่...
ประสบการณ์ชีวิตของการทำงาน "รับราชการ"
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุษยมาศ
ใน
ประสบการณ์ชีวิตของการทำงาน "รับราชการ"
คำสำคัญ (Tags):
#ตอน ช่วงรอยต่อเมื่อเรียนจบ ม.ศ.5
หมายเลขบันทึก: 421600
เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2011 21:27 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:39 น. (
)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (2)
มนัสดา
เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2011 22:31 น. (
)
บุษยมาศ
เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2011 13:38 น. (
)
สวัสดีค่ะ...คุณยาย...
...
คิดถึงคุณยายเสมอค่ะ...
ขอบคุณค่ะ...
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
หน้าแรก
สมาชิก
บุษยมาศ
สมุด
ประสบการณ์ชีวิตขอ...
ตอน ช่วงรอยต่อเม...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท