เรียนรู้กับลูก “ชวนลูกทำลาบปลาดุก”


เป็นอาหารง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้วัตถุดิบเครื่องปรุงมากนัก แต่เน้นความสดใหม่ของการปรุง

 

 

ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับการทำอาหารร่วมกับลูกที่เราได้เรียนรู้ร่วมกันที่ (http://gotoknow.org/blog/attawutc/411376) มาบันทึกนี้ มีโอกาสทำอาหารง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้วัตถุดิบเครื่องปรุงมากนัก แต่เน้นความสดใหม่ของการปรุง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ลิ้มรสตามร้านอาหารอีสานทั่วไปมาแล้ว ที่ผมจะนำเสนอวันนี้ จะเล่าถึงการเตรียมวัตถุดิบและขั้นตอนการทำลาบปลาดุกสูตรบ้านแฮ่ครับ

 

 

วัตถุดิบก็เป็นเครื่องลาบทั่วไป ได้แก่ หอมแดง กระเทียม ผักชี ต้นหอม ขิง มะม่วง และปลาดุกย่าง ส่วนเครื่องปรุงก็ไม่มีอะไรมากมีเพียง พริกป่น ข้าวคั่ว และน้ำปลาเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าการปรุงลาบปลาดุกจะไม่ยุ่งยาก แต่สำหรับอาหารสูตรนี้เราจะเน้นที่การเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่

 

  

 

หอมแดง กระเทียม เราจะปอกเปลือกล้างให้สะอาด แล้วนำมาหั่นซอยให้ละเอียดคล้ายๆ กับการทำลาบเป็ดที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ (http://gotoknow.org/blog/attawutc/325622) ผักชี ต้นหอม ก็เช่นกัน หลังที่ล้างสะอาดแล้วก็หั่นซอยละเอียดเช่นกัน ส่วนขิงหลังจากที่ล้างและปอกเปลือกแล้วก็จะนำมาสับแล้วนำไปตำให้ละเอียด

 

 

 

จะเห็นว่าผมไม่ได้เตรียมมะนาวไว้เลยเพราะผมจะใช้ความเปรี้ยวจากมะม่วงครับ แต่ถ้าใครชอบรสจัดจะเพิ่มความเปรี้ยวจากมะนาวก็ไม่ว่ากัน ส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นกันก็นำมามะม่วงมาสับเป็นเส้นๆ แต่ผมคิดว่าถ้านำมาสับจะไม่ค่อยเป็นเส้นเท่าไหร่ ผมก็ใช้วิธีฝานเป็นแผ่นๆแล้วนำมาซอยให้เป็นเส้นๆ ครับ

 

 

 

ปลาดุกย่างเราทราบดีว่าจะต้องแกะเอาเฉพาะเนื้อแล้วนำมาสับให้ละเอียด แต่ผมคิดจะเห็นว่าครีบและหางของมันก็น่าจะนำมาใช้ได้ ผมก็เลยนำไปคั่วให้กรอบแล้วนำมาสับและตำให้ละเอียดก็ใช้ได้เช่นกัน ช่วงที่นำเนื้อปลาดุกมาตำให้ละเอียดนั้นจะทำให้เนื้อฟูขึ้น (บ้านผมเรียก”เนื้อขึ้น” ครับ)

 

 

เล่ามาตั้งนานผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าแล้วทำอาหารสูตรนี้เกี่ยวอะไรกับการเรียนรู้ของลูก ความจริงระหว่างมที่ผมกำลังเตรียมวัตถุดิบอื่นๆอยู่นั้น ลูกๆ ก็ช่วยเตรียมวัตถุดิบอื่นๆ เช่นกัน และก็เป็น Highlight เสียด้วย นั่นคือการเตรียมข้าวคั่วครับ เราจะไม่ใช้ข้าวคั่วสำเร็จรูปที่มีขายตามตลาดครับ เพราะมีถ้าเป็นข้าวคั่วเก่าจะมีกลิ่นสาบไม่หอม ผมให้ลูกช่วยคั่วข้าวคั่วให้สุกหอมได้ที่ แล้วก็นำมาตำให้ละเอียด จากนั้นก็นำไปใช้ได้ทันที และสำหรับพริกป่นเราก็ดำเนินด้วยวิธีเดียวกันครับ

 

 

 

ขั้นตอนการปรุงเด็กก็ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้เช่นกัน คือให้เขาเลือกว่าจะใส่วัตถุดิบอะไรบ้างเพราะเด็กๆ ก็อาจไม่ชอบกความเผ็ดร้อนของพริก ขิง กระเทียม ดังนั้นจึงให้เขาเลือกเองว่าจะใส่ในปริมาณเท่าใด ผมเริ่มจากการให้เขาได้เลือกวัตถุดิบต่างๆที่ได้เตรียมไว้ทั้งหมดใส่ในถ้วยคนแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันปรุงรสด้วยน้ำปลาตามปริมาณที่เขาพอใจ

 

 

 

หลังจากที่ปรุงรสชาดเด็กเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นคิวของผู้ใหญ่ที่ต้องใส่เครื่องเคราให้ครบครัน โดยเริ่มจากนำปลาดุกที่ตำละเอียดมาคลุกกับข้าวคั่ว พริกป่น มะม่วงสับ ขิงป่น และกระเทียมซอยที่เตรียมไว้ ปรุงรสด้วยน้ำปลาเพื่อให้ความเปรี้ยวมันเค็มเผ็ดของทั้งสามอย่างเข้าถึงกันอย่างสมดุล ชิมรสให้พอดีตามใจชอบ จากนั้นก็นำหอมแดง ต้นหอม ผักชี ที่ซอยเตรียมไว้คลุกเคล้าเข้าไป เป็นอันเสร็จพิธี กินกับข้าวเหนียวร้อนๆ และถ้าจะให้ดีต้องกินกับใบหูเสือ จะเข้ากันดีที่สุด

  

 ใบหูเสือ

จะเห็นว่าขั้นตอนการทำไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่เน้นการเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่ ซึ่งรสชาดของการทำกับข้าวกินเองกับที่ไปซื้อกินจะแตกต่างกันอย่างมาก มีข้อดีหลายเรื่อง เช่น ความสะอาดที่เราลงมือทำเอง รสชาดที่เรากำหนดเอง อยากกิน ชอบรสไหนก็ปรุงเอาเอง ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เด็กได้เรียนรู้ร่วมกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ร่วมกับเด็ก ผมคิดว่าเด็กจะได้ซึมซับวิถีชีวิตธรรมชาติที่เขาได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมเหล่านี้โดยที่เราไม่ต้องสอน เพราะว่าทักษะความรู้ต่างๆ ได้ซึบซับเข้าไปในตัวเขาแล้ว โดยที่เขาไม่รู้ตัวแล้วจากการได้สัมผัสกับของจริง (Learning by Doing) จากสูตรอาหารดังกล่าวผมไม่ได้ระบุปริมาณว่าต้องใส่อะไรเท่าไหร่อย่างไร เพราะผมคิดว่าลิ้นแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันใครชอบรสไหนก็ปรุงเอาเอง ขั้นตอนต่างๆก็ไม่ยุ่งยาก สิ่งที่ผมนำเสนอนี้อาจเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น เรื่องเหล่านี้ต้องลองทำดูเอง ตัวผมเองก็บอกไม่ถูกว่าจะต้องใส่อะไรเท่าไหร่ เพราะแต่ครั้งที่ทำก็ไม่กะ ใส่ไปตามสัญชาติญาณอัตโนมัติ ถ้าจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้มันคือ Tacit Knowledge ก็ไม่ผิดนัก จึงอยากเชิญชวนทุกท่านลองไปทำกันครับ แต่ละท่านอาจจะได้สูตรของตัวเองที่เป็นสูตรใหม่ตามความชอบของแต่ละคนก็ได้

 

หมายเลขบันทึก: 420867เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2011 11:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมบ่ ยักกะรู้มาก่อน ว่า ปรุงง่าย จั่งสี้ แต่ดู แล้ว น่าแซบ นะครับ ครู ถ้าให้แซบยิ่งขึ้น ต้องกินกับผัก "บัก พริกม่า " จะแซบมาก นะครับ เป็นใบรุปร่าง คล้าย หนวด ของพวก คาวบอย งัยครับ หอม ...คิดแล้ว น้ำลายใหล..ทั้งแซบ ทั้งนัว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท