พลังคุณค่าหรือพลังศรัทธามีความยิ่งใหญ่ ช่วยให้มนุษย์เราบรรลุสิ่งที่ดูเผินๆ ไม่น่าเป็นไปได้ เวลาไปยุโรป ไปเห็นโบสถ์ที่มีประวัติการก่สร้างหลายร้อยปี ทำให้ซึ้งในพลังศรัทธานี้
ผมตั้งใจใช้ชีวิตส่วนที่เหลือในการฝึกใช้พลังคุณค่าทำประโยชน์ให้แก่สังคม เรียกว่าทำ Value Management ต่อยอดจาก Knowledge Management และพบว่าสนุกและให้ปิติสุขมาก เพราะเป็นการทำเพื่อผู้อื่น หรือเพื่อสังคมส่วนรวม และที่สำคัญ เป็นการทำความรู้จักความดีหรือคุณค่าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจในมิติที่ซับซ้อน เพื่อยกระดับขึ้นไป ตัว"แม่แรง" ยกนั้น คือผลประโยชน์ของส่วนรวม
วันที่ ๑๗ ธ.ค. ๕๓ ผมเข้า "หลักสูตรฝึกอบรม" นี้ โดยการเป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการ โครงการเยาวชน รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในการประชุมเราพูดย้ำเรื่องคุณค่าของ ทุนเยาวชน ต่อบ้านเมือง อยู่บ่อยๆ เพื่อให้ทั้งกรรมการเก่า ที่เคยร่วมประชุมและรับรู้คุณค่าของทุนนี้แล้ว และกรรมการใหม่ ที่เพิ่งมาประชุมเป็นครั้งแรก ได้เข้าใจวัตถุประสงค์ของทุน (scholarship) ในมิติที่ลึก เข้าไปในระดับคุณค่า
ความเข้าใจเรื่องคุณค่า บรรลุไม่ได้จากการฟังคำอธิบาย แต่ได้จากการมีประสบการณ์ตรง หรือฟังเรื่องเล่า และมีการตีความ (reflection) เรื่องนั้นในระดับคุณค่า
ในวันนั้นมีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ได้รับพระราชทานทุน หลายเรื่อง ที่เมื่อมีคนตีความแล้ว เราเห็นความหวังว่า มีช่องทางขยายแรงบันดาลใจของคนหนุ่มสาวที่มีใจมุ่งทำเพื่อคนอื่น หรือเพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์ โดยอาศัยพระบารมีของสมเด็จพระบรมราชชนก พระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชจักรีวงศ์ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาชน ซึ่งในที่นี้คือหมอจบใหม่ เราเห็นความหวังว่า พลังของทุนรางวัลเยาวชน จะช่วยผลักดันให้ระบบสุขภาพของไทย มีมิติของความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้น หรือไม่แห้งเหือดปตามกระแสทุนนิยมและความเห็นแก่ตัวของสังคมยุคใหม่
ทีมดำเนินการทุนนี้ ใส่การจัดการที่ละเอียดอ่อน เพื่อใช้กระบวนการกระตุ้นทั้งตัวผู้ได้รับพระราชทานทุน และอาจารย์พี่เลี้ยง (mentor) ให้เห็นโอกาสในการทำงานใหญ่ งานเชิงระบบ ที่มีคุณค่าสูงยิ่งต่อสังคม และมีโอกาสได้เครือข่ายความร่วมมือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ร่วมกับ สกอ. กำลังจัดทำหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียน ๓ ระดับ คือระดับประถม ระดับมัธยม และระดับมหาวิทยาลัย และได้มอบหมายให้ รศ. ดร. อมร แสงมณี แห่งสถาบันภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย ม. มหิดล เป็นหัวหน้าทีมเขียนหนังสือ เมื่อท่านมาสัมภาษณ์ผม ผมจึงแนะนำว่าการทำความเข้าใจกิจการของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลให้ลึกเข้าไปในระดับคุณค่านั้น ต้องเอาตัวเขาไปซึมซับในกิจการต่างๆ และได้แนะนำให้มาฟังการประชุมในวันนี้
เมื่อถึงจังหวะเหมาะ ผมก็ขอให้ รศ. ดร. อมร สะท้อนความคิดว่าท่านฟังสาระในการประชุมแล้ว ท่านรู้สึกอย่างไร คำพูดของท่านยิ่งกระตุ้นระดับของอารมณ์ซาบซึ้งคุณค่าขึ้นไปอีก
ทำให้เราเห็นลู่ทางที่จะใช้ผู้ได้รับพระราชทานทุน ในการขับเคลื่อนจิตวิญญาณในการทำเพื่อสังคม ในหมู่นักศึกษาแพทย์ เพื่อประกาศว่า คนที่มุ่งอุทิศตนทำงานเพื่อสังคม จะไม่เดียวดาย
เราตั้งข้อสังเกตว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เอาใจใส่ โค้ชนิสิตในการเตรียมตัวเพื่อเขียนใบสมัคร และเตรียมตัวเข้าสอบสัมภาษณ์ เป็นตัวอย่างที่ดีของโรงเรียนแพทย์ที่มีระบบดูแลนิสิตในเรื่องที่ไม่ใช่วิชาการ น่าที่โรงเรียนแพทย์อื่นๆ จะได้ปฏิบัติตาม ซึ่งจะเพื่อมความใกล้ชิดความผูกพันระหว่างศิษย์กับอาจารย์
กระทรวงสาธารณสุขต้องการแพทย์ที่ตั้งใจทำงานในชนบท และร่วมพัฒนาระบบ โดยที่มีโครงการผลิตแพทย์ของกระทรวงฯ เองด้วย ก็เห็นโอกาสที่จะใช้โครงการนี้กระตุ้นจิตสำนึกเพื่อสังคม
ผมได้เรียนรู้วิธีเป็นประธานการประชุม ที่กระตุ้นการต่อยอดคุณค่าในสมาชิกของการประชุม โดยใช้การปฏิบัติจริงที่ผ่านมาแล้ว และผลต่อจิตใจที่เกิดขึ้น รวมทั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เป็นพลังกระตุ้น
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ธ.ค. ๕๓