กระทรวงการคลังเข้มงวด งดเบิกค่ายาในกลุ่มยาบรรเทาอาการข้อเสื่อม ที่ไม่มีความคุ้มค่า
และมีประสิทธิภาพไม่ชัดเจนว่าสามารถรักษาการข้อเสื่อมได้
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งมีท่านปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์หลายท่านร่วมเป็นกรรมการ เพื่อจัดทำมาตรการกำกับดูแลการใช้ยาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานวิชาการ ทางการแพทย์ เพื่อศึกษาทบทวนเกี่ยวกับบัญชียาหลักแห่งชาติ คณะทำงานฯ ได้มีการสืบค้น รวบรวมเอกสารงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับประสิทธิผลและความคุ้มค่าจากการใช้ยา โดยเฉพาะการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ พบว่าสถานพยาบาลหลายแห่งมีสัดส่วนการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติมากถึง ร้อยละ ๖๐ – ๗๐ และใช้จ่ายงบประมาณสูงมาก โดยเฉพาะโรคข้อและกระดูกมีการสั่งยาที่อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติและมีราคาแพงมาก คณะทำงานฯ จึงมีการศึกษา รวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับการรักษาของกลุ่มยาประเภทบรรเทาอาการข้อเสื่อมที่ออกฤทธิ์ช้า ชื่อทางการแพทย์คือกลุ่มยา SYSADOA (กลูโคซามีน คอนดรอยตินซัลเฟต และไดอะเซอเรน)
ทุกรูปแบบ และกลุ่มยาที่ฉีดเข้าข้อบรรเทาอาการข้อเสื่อม (ไฮยาลูโรแนนและอนุพันธ์) จากหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งในและต่างประเทศ พบว่า มีประสิทธิผลในการรักษาไม่ชัดเจน และมักพบในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือประเภทวิตามิน ใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ทางการแพทย์ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ไตวาย ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้น การใช้ยาโดยไม่มีข้อบ่งชี้ว่าสามารถรักษาอาการของโรคได้อาจไม่เกิดประโยชน์และไม่คุ้มค่ากับราคายาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีหนังสือสั่งการกำหนดให้กลุ่มยาดังกล่าวเป็นรายการที่ห้ามเบิกจ่ายจากระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ตามที่คณะทำงานวิชาการทางการแพทย์เสนอ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี ในทางการแพทย์ถ้าแพทย์ผู้รักษาเห็นว่าการสั่งยากลุ่มดังกล่าวเพื่อบรรเทาอาการหรือเพื่อเป็นวิตามินเสริมให้แก่ผู้ป่วยก็สามารถสั่งใช้ยาได้ โดยผู้ป่วยต้องชำระค่าใช้จ่ายเองจะนำมาเบิกจ่ายในระบบสวัสดิการไม่ได้
เป็นข้าราชการเพราะมีสวัสดิการ เพื่อให้พ่อแม่เบิกใช้สิทธิ์ได้ เงินเดือนก็น้อย พวกคุณไม่ได้เกิดผลกระทบจากกฎหมายนี้ แต่ข้าราชการจน ๆ ส่วนใหญ่เขามีผลกระทบมาก ทำไมไม่เห็นใจคนจน หาวิธีอื่นที่ลดค่าใช้จ่ายดีไหม และขอให้ช่วยเหลือสวัดิการให้ดีขึ้นกว่าเดิมจะดีกว่าไหม คุณทำแบบนี้ครั้งหน้าใครจะเลือก่คุณ
เห็นด้วยกับคุณข้าราชการจ้นจน เงินดิอนทุกวันนี้ก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ขอให้เห็นใจกันหน่อยน่ะ งานก็หนัก เงินเดือนก็น้อย
แถมสวัสดิการต่าง ๆ ยังถูกตัดออกไปเรื่อย ๆ แล้วข้าราชการชั้นผู้น้อยทั้งหลายจะอยู่กันอย่างไร
พ่อแม่อุตสาทำไร่ไถนาหวังไห้ลูกรับราชการเพื่อไว้เบิกค่ารักษายามแก่เฒ่าก็มาถูกตัดสิทธิอีกเวรกรรมแท้ประเทศไทยที่มีคนคิดแบบนี้