KRUJOY (ครูจ่อย)
นาย ทรงศักดิ์ เสือ ภูเก้าแก้ว

ฝากเด็ก


มะเร็งร้ายในวงการศึกษาไทย

 

 

 

                    

 

     

                                 ชี้ ศธ.แก้เด็กฝากปีนี้ไม่รอด

                   คุมเข้มส่งผลค่าแป๊ะเจี๊ยะขึ้นอีกร้อยละ 20 

 

       
       นักวิชาการศึกษาชี้แก้ปัญหาเด็กฝากและแป๊ะเจี๊ยะยังทำได้ยากในปีนี้ เนื่องจากคุณภาพโรงเรียนแต่ละแห่งยังไม่ใกล้เคียงกัน เชื่อเด็กฝากยังอยู่ และจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอีกร้อยละ 20 ในปีถัดไป ระบุรัฐมนตรีที่มาแก้ปัญหาต้องมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังดีกว่านี้ ต้องทนแรงเสียดทานทางการเมืองได้ เพราะ ส.ส.ยังคงฝากเด็กเฉลี่ยคนละกว่า 50-70 คน การห้ามฝากเด็กอาจทำให้ปั่นป่วนทางการเมือง โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง

       แนวทางของกระทรวงศึกษาธิการในการแก้ปัญหาเรื่องเด็กฝากหรือการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับที่นั่งเรียนในโรงเรียนชื่อดัง หรือค่าแป๊ะเจี๊ยะว่า ถือเป็นโจทย์ของรัฐบาลที่จะต้องลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยใช้โครงการเรียนฟรี 15 ปี กับมาตรการลดปัญหาเรื่องเด็กฝาก  แต่ในการดำเนินการควรเรียงลำดับเริ่มที่โครงการเรียนฟรีและกระจายเม็ดเงินไปสู่เด็กด้อยโอกาสก่อน จนทำให้เกิดคุณภาพของโรงเรียนที่ใกล้เคียงกันก่อน ซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 ปี แต่การที่นำเรื่องเด็กฝากขึ้นมาแก้ปัญหาก่อนในขณะนี้ แม้หลักการจะดี แต่เชื่อว่าจะปฏิบัติสำเร็จได้ยาก เด็กฝากจะไม่ลดลง แต่จะมีจำนวนเงินสูงขึ้นทุกปี

       โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ตามที่ได้ติดตามเรื่องนี้มาต่อเนื่องกว่า 30 ปี พบว่าเมื่อใดที่มีผู้เข้ามาประกาศจะแก้ปัญหาอย่างเข้มงวดจะไม่สามารถแก้ได้ และจะส่งผลให้ในปีถัดไป ค่าแป๊ะเจี๊ยะจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 15-20 เพราะที่นั่งที่มีจำกัด ทำให้ผู้ปกครองต้องแข่งกันกรอกตัวเลขให้มากขึ้นไปอีก จากในปัจจุบันที่ค่าแป๊ะเจี๊ยะอยู่ที่ 300,000 บาทถึงกว่าล้านบาท ตามชื่อเสียงความนิยมของแต่ละโรงเรียน รวมทั้งจะมีการพิจารณาจากชื่อคนฝากเด็กมากขึ้น ว่ามีอิทธิพลหรือบุญคุณต่อโรงเรียนเพียงใด 

       "การฝากเด็กเป็นมะเร็งร้ายของวงการการศึกษาไทยที่มีมายาวนานชี้ ศธ.พยายามหาทางแก้ไขมาตลอด ทุกคนรับรู้ และยอมรับไปแล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษา เป็นความชั่วร้ายของการศึกษาไทย"

 
       บุคคลที่จะมาประกาศแก้ปัญหาการฝากเด็กเข้าเรียนได้นั้น จะต้องมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่ดี สามารถกล้าเผชิญหน้าและต่อสู้อย่างจริงจังกับการฝากเด็กโดยบุคคลทุกระดับได้  ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่ารัฐมนตรี ส.ส.ทุกคนต้องฝากเด็กเข้าเรียน  เมื่อในปีนี้มีการเข้มงวดไม่ให้ฝากเด็ก อาจนำไปสู่ความปั่นป่วนทางการเมืองได้เช่นกัน เนื่องจากอาจใกล้ช่วงเลือกตั้ง ขณะที่อำนาจที่จะนำมาใช้มาจากหลายส่วน จะใช้บุญคุณมากขึ้น เม็ดเงินจะผ่านตัวบุคคลสูงขึ้นและในท้ายที่สุด การฝากเด็กก็จะดำเนินการหลังจากกระบวนการที่ถูกจับตาทุกอย่างเงียบลง ขณะที่การกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดก็ยังไม่มีความชัดเจน

     "ต้องยอมรับว่า แนวคิดในปัจจุบัน ชื่อสถาบันการศึกษา เชื่อมโยงโดยตรงกับฐานะทางสังคม และความก้าวหน้าในอนาคต ซึ่งมีความคุ้มค่าหากจะมีการใช้อำนาจเงิน หรือบุญคุณตอบแทนเพื่อแลกมาซึ่งที่นั่งในสถานศึกษาชื่อดัง"...อ๊ากๆๆๆ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก...สำนักข่าวไทย 3 ม.ค. 54

 

เด็กดีดอทคอม :: เด็กเส้น-เด็กฝาก หมดไปหรือยัง?

นั่งอยู่นื้ใคร..เด็กฝาก เด็กเส้น ...ยกมือขี้น
คำสำคัญ (Tags): #แก้ยาก
หมายเลขบันทึก: 417946เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2011 05:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ระบบอุปถัมถ์ กับแนวความคิดนี้ช่างน่า ... น่าสงสาร น่าเศร้า หลงมัวเมากับค่านิยมผิดๆ

สบประมาท ดูถูกความสามารถกันชัดเจน หุ หุ ฝากกันตั้งแต่เล็กนำไปสู่คอรัปชั่นใหญ่... 

  • ใช่เลยครับน้องpoo
  • ขอบคุณมากๆที่แวะมาช่วยเติมเต็ม
  • "มะเร็งจริงๆ... อนิจจา!"
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท