4. สิบคำถามกับ Dave Ulrich ที่คน HR ต้องฟังคำตอบ
"4. สิบคำถามกับ Dave Ulrich ที่คน HR ต้องฟังคำตอบ"
คนในแวดวงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Managemtnt) หรือบางทีก็เรียกกันสั้น ๆ ว่า "คน HR" มักคุ้นเคยกับชื่อ Dave Olson Ulrich หรือ Professor Dave Ulrich นักคิดคนดังในวงการที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากหลายสถาบัน เช่น เมื่อปี ค.ส. 2001 หนังสือ Business Week ยกย่องเขาว่าเป็นนักคิดผู้รู้คนสำคัญที่สุดด้านการจัดการ ส่วน HR Magazine ยกย่องเขาในฐานะบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเป็นเวลา 3 ปีรวด (คริสตศักราช 2006 - พุทธศักราช 2551)...
วันนี้ ดร.ภาณุภาคย์ พงศ์อติชาต นธ.ตรี จะพาท่านผู้อท่านไปรู้จักกับ Prof. Ulrich ผ่านคำถามสิบข้อที่สะท้อนมุมมองของเขาเกี่ยวกับการบริหารองค์กร (เพื่อให้เป็นกันเองในการสนทนา* ซึ่ง ดร.ภาณุภาคย์ จะเรียก Prof. Ulrich ว่าอาจารย์)
ดร.ภาณุภาคย์ : อาจารย์ครับ จะทำยังไงดี การสื่อสารขององค์กรถึงจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Dave Ulrich : การสื่อสารควรเชื่อมโยงเข้ากับ "คน" ในองค์กร การสื่อสารไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กรเองหรือการสื่อสารระหว่างองค์กรกับโลกภายนอกควรไปแนว ๆ เดียวกับความเชื่อด้าน HR ขององค์กร
ดร.ภาณุภาคย์ : อะไรคือสิ่งท้าทายที่สุดสำหรับคน HR ใน พ.ศ. นี้
Dave Ulrich : การเรียนรู้ที่จะปรับตัวสนองต่อสภาวะในโลกธุรกิจที่แปรเปลี่ยนไปทุกขณะ ถ้าเศรษฐกิจยิ่งแย่ HR นอกจากจะต้องสามารถรักษาคุณค่าของการเป็นหุ้นส่วนในองค์กรไว้ให้ได้แล้ว ยังต้องช่วยองค์กรให้สามารถแข่งขันได้ดีอีกด้วย
ดร.ภาณุภาคย์ : คนแบบไหนที่อาจารย์ว่าจะเป็นที่ต้องการในแวดวง HR ครับ
Dave Ulrich : พวกแอคทีฟ แต่ต้องเชื่อมือได้ด้วยนะ
ดร.ภาณุภาคย์ : ทำไมล่ะครับอาจารย์
Dave Ulrich : พวกนี้เก่งแล้วก็คล่อง คุยเรื่องการเงินก็รู้เรื่อง เรื่องยุทธศาสตร์ก็ได้ คนพวกนี้สามารถเอายุทธศาสตร์มาทำให้เกิดขึ้นจริง ช่วยจูนระบบ HR ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เก่ง แล้วก็ผลักดันงานให้สำเร็จได้
ดร.ภาณุภาคย์ : ถ้าจะบอกว่าผู้นำขั้นเทพต้องมีคุณสมบัติ 5 อย่าง อาจารย์ว่าต้องมีอะไรบ้าง?...
Dave Ulrich : เป็นนักวางแผนกลยุทธ์ สามารถผลักดันงานให้สำเร็จ รู้จักใช้คนเก่งให้เต็มศักยภาพ เข้าใจการพัฒนาทุนมนุษย์ แล้วสุดท้ายต้องเป็นคนเก่ง
ดร.ภาณุภาคย์ : อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญของอาจารย์
Dave Ulrich : แรงปรารถนาที่จะเรียนรู้ ถึงอาจารย์จะทำงานในหน่วยงานที่มีหน้าที่ศึกษาภาวะความเป็นผู้นำมานานแล้ว แต่ยังมีคำถามข้อหนึ่งที่ยังคาใจอยู่ ก็คือ ถ้าเราเชื่อว่าองค์กรสามารถสร้างผู้นำที่ดีได้โดยการสั่งสอนส่งผ่านต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แล้วทำไมการถ่ายทอดความเป็นผู้นำที่ดีด้วยวิธีการง่าย ๆ แบบนี้ถึงยังไม่เกิดขึ้นจริง พูดได้ว่าเรื่องนี้เป็นวิกฤติเกี่ยวกับภาวะผู้นำ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป แล้วเราจะไปหาผู้นำดี ๆ ได้จากไหน การค้นหาคำตอบสำหรับคำถามนี้ทำให้อาจารย์ยังมีไฟที่จะทำงานต่อไป
ดร.ภาณุภาคย์ : เราจะหาสมดุลระหว่างควาทะเยอทะยานกับการรู้จักประมาณตนได้ยังไง?...
Dave Ulrich : จริง ๆ มันก็ขัดแย้งกันอยู่ในตัวนั่นแหละ ด้านหนึ่งเราก็อยากให้คนเชื่อว่าเราสามารถทำได้ทุกสิ่ง เป็นได้ทุกอย่าง...แต่อีกด้านเราก็อยากให้เขารู้จักประมาณตนเองบนพื้นฐานในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งสำคัญคือ เราต้องถามเขาว่า เขาต้องการอะไร? มีความทะยานอยากอย่างไร? ปรารถนาอะไร? คำถามสำคัญที่สุดที่เราสามารถจะถามได้ ก็คือ เราต้องการอะไรกันแน่ เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร เราก็ไม่รู้จะทะเยอทะยานไปเพื่อให้เกิดอะไรขึ้น
ดร.ภาณุภาคย์ : แล้วถ้าความทะเยอทะยานที่มีมันเว่อร์ไป จนออกแนวกึ่งเพ้อฝันล่ะครังอาจารย์
Dave Ulrich : ก็ต้องดูโลกแห่งความเป็นจริงที่เราอยู่ด้วย อย่างตอนเด็ก ๆ อาจารย์เคยฝันอยากเป็นนักบาส NBA แต่ต่อมาก็ได้เรียนรู้ว่าอาจารย์โดดไม่สูง ชู้ตไม่แม่น แล้วก็ไม่ไวพอที่จะเป็นนักบาส ถ้าคนทะเยอทะยานมากเกินไปก็อาจมีปัญหาว่าทำให้เป็นจริงไม่ได้ แต่ถ้าเอาแต่ตีโพยตีพายว่า "ฉันทำไม่ได้ ๆ " คนรอบข้างก็จะระอา
ดร.ภาณุภาคย์ : ช่วงเวลาไหนเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำของอาจารย์
Dave Ulrich : ตอนเรียนปริญญาเอก คนอื่นเขาจะสอบตอนจนปี 3 แต่อาจารย์ออกแนวทรนง เลยขอสอบตอนเพิ่งจบแค่ปี 2 ปรากฎว่าไม่ผ่าน ซึ่งจริง ๆ ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ พวกอาจารย์ที่มาสอบปากเปล่าอาจารย์มองหน้าแล้วบอกว่า "คุณฉลาดนะ แต่คุณยังไม่เข้าใจหรอก" อาจารย์เลยใช้เวลาอีก 9 เดือนต่อมาเพื่อศึกษาให้จนรู้ว่า ความสำคัญของการเรียนรู้ไม่ได้แค่การตอบคำถามได้ ประสบการณ์ความผิดพลาดจะเป็นเครื่องพิสูจน์ใจคนว่าแกร่งพอไหมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ดร.ภาณุภาคย์ : ที่ผ่านมา อะไรเป็นสิ่งท้าทายที่สุดในชีวิตการทำงานของอาจารย์
Dave Ulrich : การพยายามวิ่งให้นำหน้าคนอื่นอยู่เสมอ อาจารย์ชอบที่จะรู้จะเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่มันก็ยากที่จะทำได้ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างนี้
ดร.ภาณุภาคย์ : สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณอาจารย์มากนะครับ ที่กรุณาให้ข้อคิด มุมมองที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้ามีโอกาสเชิญไปเที่ยวเมืองไทยนะครับ จำไม่ผิดวันเกิดอาจารย์ 13 กันยา ใช่ไหมครับ ถ้าช่วงนั้นไม่ยุ่งนัก อาจารย์ลองชวนครอบครัวไปเที่ยวทะเลเมืองไทยสิครับ ฉลองวันเกิดครบ 56 ที่เมืองไทยซะเลย
Dave Ulrich : ถ้ามีโอกาส คงได้พบ ดร.ภาณุภาคย์ ในเมืองไทย ฝากความคิดถึงไปยังคนไทยทุกคนนะครับ
ดัดแปลงจากบทความชื่อ 10 Auestions to ... Dave Ulrich วันอังคารที่ 2 ธันวาคม
พ.ศ. 2551 HR & Training Journal, issue 05
ที่มา : ดร.ภาณุภาคย์ พงศ์อติชาต นธ.ตรี หนังสือกระแสคน กระแสโลก
สำนักงาน ก.พ. หน้า 39 - 43 กันยายน 2553
(เปิดโลกความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์)
เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 13 - 19 มีนาคม 2552