สวัสดีค่ะ ทุกท่าน
วันนี้พวกเราตื่นกันตั้งแต่ 06.00 น. พร้อมกับไก่ที่โห่รับการตื่นของพวกเรา ( ตื่นเช้าที่สุดในสามโลก )
ภารกิจแรกของวันนี้ เป็นหนึ่งในการทำให้โครงการของเรา HoT !!! ( คุกรุ่น )
โดยการวิ่งออกกำลังกาย ( ตามหลักวิถีไทยเป๊ะ ๆ ) พร้อมกับทักทายชาวบ้าน แล้วชักชวนให้ชาวบ้านมาวิ่ง ( แต่ไม่มีใครมานะ อิอิ ) แต่ชาวบ้านก็เห็นและทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง หลังจากออกกำลังกายเสร็จ เราก็รับประทานอาหารเช้าตามสไตล์ของแต่ละคน และช่วยกันล้างผักเพื่อนำไปทำอาหารเย็นนี้ในโครงการของเราค่ะ
สายๆหน่อยเราก็เริ่มทำป้ายผ้าโฆษณากิจกรรมที่เหลือคือ ป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ 7 วัน ฯ และป้ายประกวดเมนูผักเพื่อสุขภาพ
ระบายสี ขำๆ ชิวๆ พวกเราอาร์ตตัวแม่ กันทุกคน ห้าๆๆ
ทำป้ายกันอย่างแข็งขัน จนท่านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ที่สุดแสนจะใจดี เลี้ยงอาหารกลางวัน เป็นเมนูปลาหลากชนิด เอื้อเฟื้อจากชาวบ้านที่รักพวกเรา พวกเราและแม่ครัว(ป้าเล็ก อสม.และป้าสาว ภรรยาผญบ.)ช่วยกันทำและกินกันซะ........ อิ่ม
อิอิ ขอบคุณมากนะค๊า
จากนั้นเราก็กลับมาทำป้ายกันต่อจนเสร็จเป็นป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ 7วัน ฯ สีสันสดใสของพวกเรา แล้วผู้ใหญ่บ้านก็สละเสารั้วบ้านให้พวกเราผูกป้าย
หลังจากนั้นเราก็มาเตรียมทำอาหารเมนูผักที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งวันนี้เราได้ปรับเมนูใหม่ โดยให้เน้นผักสดมากขึ้น และข้าวน้อยลง เพราะเราต้องการให้ลดความอ้วน และส่งเสริมการกินผัก แต่เราไม่ใจร้ายเกินไปนะคะ เราอนุญาตให้ขอข้าวได้ในจำนวนจำกัด ( 1 ทัพพีปาดเท่านั้น น้อยมากขอบอก )แต่ผลปรากฏว่าคนที่ร่วมโครงการไม่มีใครขอข้าวเลย แสดงให้เห็นความตั้งใจในการลดน้ำหนักจริงๆ พวกเราปลื้มมากกก ( แอบไปกินข้าวที่บ้านรึเปล่าน๊าาาา ฮ่าๆๆ )
จากสมุดบันทึกอาหารของผู้ร่วมโครงการ ก็พบว่าพวกเขาได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเช้า และ เที่ยงให้น้อยลง ไม่มีไขมัน และมีผักมากขึ้น ^-^ ปลื้มมมมม และพวกเราก็ได้ Feedback เรื่อง แคลลอรี่ในอาหารที่พวกเขากิน และแนะนำเพิ่มเติม
ส่วนฝน โบ โกะ ที่ได้นำวิ่งในวันแรก แล้วพบว่ามีปัญหาคือ ผู้สูงอายุบางท่านวิ่งไม่ทัน และไม่มีรองเท้าที่เหมาะสม เราจึงตกลงแบ่งกันเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มวิ่งสำหรับวัยรุ่น (กว่า ๆ) และกลุ่มเต้นแอโรบิกที่บ้านผู้ใหญ่ ซึ่งจัดไว้สำหรับกลุ่ม สว. ( สูงวัย นั่นเอง )
และเราก็ได้คิดท่ารำในการออกกำลังกายแบบวิถีไทยที่จะใช้ในวันต่อไป เพื่อที่การออกกำลังกายของพวกเราจะได้ไม่น่าเบื่อ ( เหงื่อตกกันเลยทีเดียว -_-'') ตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ วันนี้จึงเป็นเต้นแอโรบิกสำหรับผู้สูงอายุที่วิ่งไม่เก่ง ส่วนกลุ่มวัยรุ่น( กว่า ) ก็แบ่งไปวิ่งตามความชอบใจ
ส่วนความรู้ที่ได้สอนไปขณะนั่งพักออกกำลังกาย คือเรื่อง การรับประทานอาหารให้ถูกสัดส่วน โดยน้องมิวกิจัง
เมนูวันนี้คือ ส้มตำสามสหาย และ ยำเห็ดใส่ไก่ฉีก โดยแบ่งอาหารให้ทุกคนเป็นเซ็ต มีผักสดแกล้มและส้ม รับรองว่าผักเกิน 3 ส่วนแน่นอน ( คือ 2 ส่วนเราให้เขากินที่บ้าน )
กินบ้างค่ะ
ปล. ชื่อกิจกรรม ขอบคุณ comment ของอ. อุไรมากค่ะ ( อิอิ )
ตอนนี้พวกเรากำลังคิดวิธีทำให้ยั่งยืนอยู่นะคะ
แล้ววิธีคุกรุ่นของพวกเราเป็นอย่างไรบ้างคะ
ลาก่อนค่า ต้องไปวิ่ง @_@
การที่ไปชวนวันแรกแล้วเขายังไม่ออกมาวิ่ง
เรามีแนวคิดทำอย่างไรต่อไป
การแยกกลุ่มแล้วจัดกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสม
เป็นแนวปฏิบัติที่ขอชื่นชม
โจทย์สำคัญคือเข้ากับวิถีชีวิตหรือยัง ยั่งยืนหรือยัง
สู้ สู้ครับ
เรียนคุณจันทร์ยิ้ม การที่พวกเราไปวิ่งตอนเช้า จุดประสงค์ที่แท้จริงของเรา คือการทำให้ชาวบ้านเห็นและตื่นตัวว่าเรามีโครงการ7วันฯของพวกเราอยู่ และให้เห็นเป็นแบบอย่างเท่านั้น ส่วนชาวบ้านจะมาวิ่งกับพวกเราหรือไม่นั้นเป็นผลพลอยได้ถ้ามีคนมาวิ่งกับพวกเราจริง ก็ยินดี ไม่มีเราก็ไม่ได้ผิดหวัง เพราะเราก็ไม่ได้ตั้งความหวังตั้งแต่แรก เราหวังให้คนมาทำกิจกรรมกับเราในตอนเย็นค่ะ เพราะชาวบ้านทำงานกันแต่เช้าตื่นมาเปิดร้านหรืองานอื่นๆ เราทราบตั้งแต่แรกว่าตอนเช้าไม่ใช่เวลาที่เหมาะของชาวบ้านที่นี่ค่ะ อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์หลักของเราคือตอนเย็น ซึ่งเราปรึกษากับชาวบ้านและกลุ่มผู้นำแล้วว่าเวลาที่เหมาะสมคือตอนเย็น
สำหรับเรื่องความยั้งยืนเรายอมรับค่ะว่าเป็นโจทย์ที่เราต้องคิดหนักจริงๆ และมันเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเราค่ะ
อยากปรึกษาคุณจันทร์ยิ้มค่ะ เรื่องความยั้งยืน ช่วยพวกเราด้วยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ผ่านไป 3 วันแล้ว
เป็นอย่างไรบ้าง
นอกจากผู้นำชุมชน (ผู้ใหญ่และภรรยา ป้าเล็ก อสม.)
มีคนในชุมชนที่ไม่ได้เป็นแกนนำมาร่วมบ้างหรือยังคะ
เมนูอาหาร สมาชิกที่เข้าร่วมช่วยคิดบ้างหรือยังคะ
คงต้องค่อยๆให้ชุมชนเข้ามาจัดการและเราค่อยถอยออกมา
ครบ 7 วัน (+ต่อได้อีกหลายวันจนถึง 27 ธันวาคม แต่ไม่เลี้ยงข้าวแล้ว...งบหมด555)
คาดว่าชุมชนคงดำเนินการต่อเองได้ (อย่างยั่งยืน???)
ขอบคุณสำหรับคำตอบ พอใจครับ
และขอบคุณที่ให้เกียรติ
พระจันทร์ไม่มีคำตอบเรื่องยั่งยืนหรอกจ้า
ใช้หลักPERเหมือนเดิม แต่ทำอย่างไรจะเนียน
แต่สังเกตว่าคนสำคัญที่จะนำต่อจากเราคือใคร
คนนั้นแหละ ตัวชี้วัดความสำเร็จ